The French Lieutenant’s Woman เป็นหนังที่เก๋ไม่น้อยครับ เพราะมันบอกเล่า 2 เรื่องราวคู่ขนานไปพร้อมกัน

เรื่องแรกคือความรักต้องห้ามระหว่างนักวิทยาศาสตร์หนุ่มนามว่า ชาร์ลส์ สมิธสัน (Jeremy Irons) ที่กำลังจะแต่งงานกับเออร์เนสติน่า (Lynsey Baxter) ลูกคุณหนูผู้มีอันจะกิน แต่แล้วทุกอย่างก็ผันแปรเมื่อชาร์ลส์ได้รู้จักกับซาร่าห์ วู้ดรัฟฟ์ (Meryl Streep) สตรีที่ชาวเมืองให้ฉายาว่า “เมียผู้หมวดฝรั่งเศส” และบางคนถึงขั้นเรียกเธอว่า “โสเภณี” ด้วยซ้ำ

ตอนแรกชาร์ลส์ก็เห็นใจเธอครับ ก่อนจะค่อยๆ กลายเป็นความรู้สึกดีๆ แต่ก็แน่นอนว่าความรักความเสน่หาครั้งนี้ย่อมส่งผลต่อชีวิตและฐานะของชาร์ลส์อย่างไม่อาจเลี่ยง

อีกหนึ่งเรื่องที่หนังเล่าคือความสัมพันธ์ระหว่างไมค์ (Irons) และแอนนา (Streep) 2 นักแสดงที่มาร่วมงานกันในหนังเรื่อง The French Lieutenant’s Woman และพวกเขาก็เกิดมีใจให้กันจริงๆ ขึ้นมา โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็มีคนรักอยู่แล้ว

ในแง่หนึ่งก็เหมือนเราได้ดูหนังแบบ 2 in 1 ครับ แต่จริงๆ แล้วทั้ง 2 เรื่องราวนั้นก็มีความเกี่ยวโยงถึงกันอยู่ และดูไปไม่ต้องกลัวสับสนครับเพราะหนังมีช่วงเวลาและเครื่องแต่งกายเป็นตัวบอกอยู่แล้วว่าตอนไหนเป็นเรื่องของช่วงไหน

หนังเล่าได้น่าติดตามดีครับ ทั้ง 2 เรื่องราวเลย แน่นอนว่าพลังสำคัญต้องยกให้การแสดงเยี่ยมๆ ของ Irons และ Streep ที่เล่นได้ดีและเข้าถึงบทบาททั้ง 2 เรื่องราว โดยเฉพาะ Streep นี่ถือว่าตัวละครทั้ง 2 ของเธอมาพร้อมความซับซ้อนพอตัว และเธอก็แสดงได้อย่างดีจนไม่น่าแปลกใจที่เธอจะได้เข้าชิงออสการ์เป็นหนที่ 3 จากบทนี้ และถือเป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าชิงในสาขาดารานำหญิงยอดเยี่ยมครับ

ผู้กำกับ Karel Reisz คุมหนังได้ดีครับ จังหวะจะโคนในการเล่าพอเหมาะ และอีกหนึ่งของดีก็คือดนตรีของ Carl Davis ที่ได้ใจตั้งแต่ซีนไตเติ้ล ท่วงทำนองบาดลึกถึงความรู้สึกอย่างยิ่ง และที่ผมชอบเป็นพิเศษในหนังคือบรรยากาศครับ โดยเฉพาะตอนที่ตัวละครเดินไปในป่า ไปในเส้นทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ภาพความเขียวขจีมันดูสวยเด่นกว่าหนังหลายๆ เรื่อง

นอกจากดารานำแล้ว ดาราสมทบก็ช่วยเสริมอารมณ์ให้หนังได้ไม่น้อย ไม่ว่า Hilton McRae ในบทแซม คนรับใช้ของชาร์ลส์ที่รายนี้ก็มีความซับซ้อนเช่นกัน, Leo McKern ในบท ดร.โกรแกน แล้วเราจะได้พบกับ Richard Griffiths ในบทเพื่อนดื่มที่ลอนดอนของชาร์ลส์ และ Alun Armstrong ไกร์มส์ นักสืบที่ทำงานให้ชาร์ลส์

ใครเป็นแฟน Irons หรือ Streep นี่แนะนำให้ดูเลยครับ ส่วนสาระในเรื่องก็สะท้อนให้เราเห็นถึงห้วงรักห้วงเสน่หาของมนุษย์ที่บางครั้งก็ยากจะหักห้าม และทุกความรักล้วนมีผลตามมาเสมอ

บางความรักก็สร้างความเจริญงอกงามให้กับผู้คน แต่บางความรักก็สร้างรอยช้ำ ความสูญเสีย และคราบน้ำตา ซึ่งก็ขึ้นกับว่าความรักนั้นมีสิ่งใดเป็นองค์ประกอบบ้าง

และไม่ว่าความรักนั้นจะมีองค์ประกอบใดก็ตาม แต่หากหนึ่งในองค์ประกอบนั้นมีสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับเจือปนอยู่ ความรักนั้นมักต้องประสบกับเคราะห์กรรม

เป็นอีกหนึ่งหนังสะท้อนแง่มุมของความรักต้องห้าม ที่มีดีตรงการแสดงและงานโปรดักชั่น

สองดาวครึ่งสวยๆ ครับ

(7/10)