
หนังรอมคอมที่ดูง่าย สบายๆ กลมกล่อมใช้ได้ตามสไตล์หนังลงสตรีมของ Amazon Prime
แอนา (Camila Mendes) เด็กฝึกงานที่กำลังพยายามไต่เต้าในงานวงการศิลปะ แต่แล้วชีวิตเธอก็เปลี่ยนทันทีเมื่อเธอได้รับการอัพเกรดที่นั่งบนเครื่องบิน จากชั้นประหยัดกลายเป็นเฟิร์สคลาส ส่งผลให้เธอได้เจอกับหนุ่มหล่อนามว่า วิลเลี่ยม (Archie Renaux) และจากการสนทนาก็ทำให้วิลเลี่ยมเข้าใจไปว่าแอนามีตำแหน่งหน้าที่การงานระดับสูงในวงการ แล้วนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องโรแมนติกคอมเมดี้ตามสูตรครับ
พล็อตคุ้นเคยครับ อยู่ในหมวด “ความรักที่ก่อตัวบนความเข้าใจผิด/คำโกหก” คือถ้าคิดมากหน่อยก็อาจรู้สึกว่าความรักแบบนี้มันดูไม่จริงใจ แต่ถ้ามองแบบขำๆ ตามสไตล์หนังรอมคอมก็จะได้เป็นว่า ถ้านางเอกไม่โกหก/ไม่ทำให้เข้าใจผิด เธอก็อาจไม่ได้รับโอกาสดีๆ มากมายที่ตามมาก็เป็นได้ และการพูดเกินจริงของเธอก็ไม่ได้มีที่มาจากเจตนาร้ายๆ เลยพอมองข้ามไปได้บ้าง – อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ว่าจะมองแบบไหนน่ะนะครับ
ส่วนผมมองตามแบบที่หนังอยากให้มองครับ ถ้านางเอกไม่พูดโม้ก็คงไม่มีหนังเรื่องนี้ ซึ่งถ้าข้ามจุดนี้ไปแล้วเสพสิ่งที่หนังให้ ก็รู้สึกได้ว่าหนังสนุกดีครับ ดูเพลินน่ารัก Mendes ก็ใช้เสน่ห์ตามสไตล์ของเธอทำให้แอนาน่าเอาใจช่วยพอสมควร แต่สำหรับผมพลังสำคัญที่ทำให้ตามดูไปจนจบคือนักแสดงรุ่นใหญ่ รายสำคัญเลยคือ Lena Olin ที่เล่นบทไหนก็ได้ใจบทนั้น จะเป็นคนดี คนร้าย สาวแสบ สาวเก็บกด เจ๊เล่นได้หมดครับ ส่วนเรื่องนี้มาเป็นแม่ของพระเอกที่ถูกชะตากับแอนาอย่างยิ่ง บอกเลยครับว่าพลังของเธอนี่แผ่รัศมีมาช่วยเสริมความเด่นให้นางเอกไม่ใช่น้อย
อีกรายที่ชอบเป็นการส่วนตัวคือ Anthony Head อดีตผู้ดูแลมือปราบแวมไพร์ใจดีในซีรี่ส์ Buffy The Vampire Slayer มาเรื่องนี้รับบทศิลปินผู้รักเสรี จูเลียน มาร์กซ์ รายนี้ก็พอกันกับ Olin คือเล่นได้ทุกบท มาเรื่องนี้เขาก็ช่วยเสริมความน่ารักให้กับหนังได้มากอยู่ แล้วก็ยังได้ Marisa Tomei มาในบทแคลร์ บอสสายแกร่งของแอนา ในแง่ความเด่นอาจไม่เยอะ แต่อย่างน้อยทุกซีนที่เธอโผล่ก็ทำให้คนดูจดจำได้
โดยส่วนตัวผมสนุกกับหนังเพราะเหล่าดาราสมทบนี่แหละครับ พวกเขาทำให้แอนาดูเด่นขึ้น ในขณะที่พระเอกอย่าง Renaux ถือว่ายังฉายเสน่ห์ไม่เยอะ ไปๆ มาๆ เรื่องในส่วนความรักโรแมนติกเลยกลายเป็นยังดูไม่เด่นเท่ากับเรื่องชีวิตและหน้าที่การงานของแอนา ที่ได้ตัวละครสมทบที่มีสีสันกว่ามาช่วยกันดันจนพล็อตส่วนที่ว่าดูเด่นกว่า

โทนหนังรวมถึงโลเคชั่นก็ดูดีมีระดับครับ ดูลงทุนและดูแกรนด์กว่าหนังรักลงสตรีมทั่วๆ ไป และที่ชอบมากเป็นพิเศษคือดนตรีพอดีคำของ Isom Innis ที่ให้อารมณ์เหมือนคล้องแขนพาเราเดินชมเรื่องราวไปเรื่อยๆ แล้วก็แตะมือเราเบาๆ เป็นพักๆ เป็นดนตรีประเภทฟังสบายคลอไปกับเรื่องราว ช่วยเสริมอารมณ์น่ารักอบอุ่นให้กับหนังแบบกำลังดี
หนังกำกับโดย Carlson Young ตอนแรกรู้สึกว่าเธอชื่อคุ้นๆ พอเปิดหน้าดูก็ร้องอ๋อเลย เพราะเธอเคยเป็นนักแสดงมาก่อนครับ เคยรับบท บรูค แมดด็อกซ์ ใน Scream ฉบับซีรี่ส์ ก่อนจะผันตัวมาทำหนังสั้น ทำ MV แล้วก็มาทำหนังโดยเรื่องนี้ถือเป็นหนังยาวเรื่องที่ 2 ถ้าว่ากันถึงฝีมือแล้วก็นับว่าไม่เลวครับ เธอคุมหนังได้ค่อนข้างพอเหมาะ อาจไม่โดดเด่นเตะตา แต่ก็ถือว่าได้มาตรฐานสำหรับหนังรอมคอมลงสตรีมแบบนี้ – อันที่จริงผมว่าเรื่องนี้ดูจะอร่อยกว่าหนังแนวเดียวกันหลายๆ เรื่องด้วย
ผมมีสิ่งที่ชอบในหนังเรื่องนี้อยู่อย่างหนึ่ง แต่มันอาจต้องสปอยล์ครับ ดังนั้นใครไม่อยากทราบอย่าอ่านต่อนะครับ
================
==สปอยล์ละนะครับ==
================
ผมชอบที่หนังเลือกจะเสนอด้านเทาๆ ของชีวิตคนน่ะครับ อย่างเรื่องที่แอนาไปทำให้ใครๆ เข้าใจผิดว่าเธอมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง ตามปกติพอถึงจุดเฉลยแล้ว แอนาจะต้องโดนทุกคนโกรธและคว่ำบาตรไม่ยุ่งด้วย แต่กับเรื่องนี้เธอไม่โดนโกรธเบอร์นั้นครับ เพราะหลายตัวละครเข้าใจในสิ่งที่เธอทำ อย่างแคทเธอรีน แม่ของวิลเลี่ยมน่ะครับ แม้เธอจะรู้แบบนั้นแต่เธอก็ไม่โกรธ และความจริงตัวเธอเองก็ไม่ได้เป็นคนซื่อตรงใสๆ อะไรนัก ชีวิตเธอก็อยู่บนโทนสีเทาเหมือนกัน อย่างเรื่องการประมูลนั่นเธอก็จงใจสร้างสถานการณ์เพื่อดึงราคางานศิลป์ที่เธอจะประมูลให้สูงขึ้น (ไม่ได้ทำไปเพราะความรักแบบที่แอนาเข้าใจ) รวมถึงประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา บวกกับการได้รู้จักแอนาแบบใกล้ชิด เธอเลยรู้ว่าแอนาไม่ได้มีเจตนาร้าย ส่วนเรื่องเข้าใจผิด/โกหกที่เกิดนั้น ในแง่หนึ่งมันก็คือการสร้างโอกาสให้กับแอนาด้วย และแคทเธอรีนก็เข้าใจอีกเหมือนกันว่าคนเราต้องหมั่นหาโอกาสให้ตนเอง – ไม่งั้นเกิดยากในโลกใบนี้
ว่าง่ายๆ คือแคทเธอรีนรวมถึงจูเลียนเข้าใจในความเทาของเรื่องราวน่ะครับ มันอาจไม่ได้ใสๆ ซื่อๆ สวยงามๆ แต่ขณะเดียวกันมันก็ไม่ได้เป็นการหลอกลวงแบบมีจุดประสงค์ที่ไม่ดี พวกเขาพิจารณาตามที่มันเป็น แล้วก็รับมันได้
ขาวก็เรื่องหนึ่ง ดำก็เรื่องหนึ่ง เทาก็เรื่องหนึ่ง – หรือถ้าใครจะมองว่าหนังโปรคนทำผิดอันนี้ก็ต้องแล้วแต่จะพิจารณาครับ แต่ผมมองว่ามันไม่ถึงขนาดนั้น หนังเพียงจะสื่อว่าไม่มีใครขาวล้วนหรือดำสนิท มันอยู่ในโซนเทาทั้งนั้นแหละ บางทีเราก็ต้องมีมาตรวัดที่มีหลายระดับมากกว่าวัดแค่ขาวหรือแค่ดำแบบสุดซอย
================
สรุปว่าโดยรวมแล้วหนังดูเพลินดีครับ ดูแล้ว Feel Good ดูแล้วแฮปปี้อีกเรื่อง
สองดาวกว่าๆ ครับ

(6.5/10)
หมวดหมู่:Comedy, Feel-Good Movies, Movie Reviews, Romance, Romance Romance, Romantic Comedy










