
Moonstruck คือตัวอย่างหนังรักยุค 80 – 90 ที่มีดีและยังน่าดูเสมอแม้มันจะเก่าหลายสิบปีแล้วก็ตาม
ของดีในหนังไล่มาตั้งแต่ดาราดี, บทดี, เล่าเรื่องดี, บรรยากาศดี และดนตรีดี
หนังเล่าเรื่องของลอเรตต้า แคสโตรินี (Cher) นักบัญชีสาวที่ตกพุ่มม่ายเพราะสามีเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน และแม้ว่าตอนนี้จะมีชายหนุ่มอย่างจอห์นนี่ แคมมาเรรี (Danny Aiello) มาขอแต่งงานก็ตาม แต่ด้วยความที่เธอเชื่อเรื่องโชคลางและกลัวว่าการแต่งงานรอบใหม่จะลงเอยไม่สวยแบบคราวก่อน เธอเลยสับสนว้าวุ่นอยู่พักใหญ่
และเรื่องมันก็วุ่นหนักขึ้นเมื่อลอเรตต้าได้เจอกับรอนนี่ (Nicolas Cage) น้องชายของจอห์นนี่ที่ตอนแรกเขาและเธอไม่ถูกกันอย่างแรง แต่ไปๆ มาๆ เธอดันทำท่าจะหลงรักเขาซะนี่
ยอมรับเลยครับว่าบทหนังเขียนมาดี เพราะนอกจากเรื่องรักวุ่นๆ ของตัวเอกแล้ว หนังยังสอดแทรกชีวิตรักหลากรูปแบบจากตัวละครแวดล้อม ไม่ว่าจะรักที่จืดจางระหว่างพ่อแม่ของลอเรตต้า (Vincent Gardenia และ Olympia Dukakis), รักหวานชื่นแม้ตัวจะแก่เฒ่าของครอบครัวคัปโปมาจิที่ลอเรตต้าทำบัญชีให้ (Louis Guss และ Julie Bovasso) หรือรักแบบตามหาความหมายของชายชื่อเพอร์รี่ (John Mahoney) ที่ตามจีบเด็กสาวรุ่นๆ เป็นกิจวัตรและมักจะลงเอยด้วยความเปียกโชกเสมอ
บทหนังมีรายละเอียดครับ (เขียนโดย John Patrick Shanley ที่เวลาต่อมามีผลงานอย่าง Alive และ Doubt) เรื่องของแต่ละคู่ก็น่าติดตามว่าทิศทางของชีวิตพวกเขาจะไปทางไหน ตามด้วยการสอดแทรกแง่คิดดีๆ ไม่ว่าท่านจะอยู่ในช่วงเริ่มรัก – กำลังรัก – กำลังสับสน – กำลังตามหารัก – กำลังหมดรัก หนังก็จะมีอะไรให้เราเก็บไปใคร่ครวญทั้งสิ้น

และบทดีๆ นี้ก็มาอยู่ในมือผู้กำกับที่รู้งานครับ นั่นคือ Norman Jewison ที่ทำหนังมาแล้วหลากแนว ไม่ว่าจะหนังออสการ์ดราม่าทริลเลอร์อย่าง In the Heat of the Night, The Thomas Crown Affair ที่ว่าด้วยความรักท่ามกลางการโจรกรรม, Fiddler on the Roof หนังเพลงขั้นคลาสสิค และหนังดราม่าเข้มๆ อย่าง The Hurricane ที่แสดงโดย Denzel Washington
และเขานี่แหละครับที่กำกับหนังรักหวานๆ ละมุนๆ อย่าง Only You ที่นำพา Marisa Tomei มาเจอกับ Robert Downey Jr.
Jewison ถือว่าคุมหนังได้อยู่ครับ แล้วเมื่อมาบวกกับดาราฝีมือดีหนังเลยลื่นไหล กลมกล่อมครบรสทั้งโรแมนติก ดราม่า และสอดแทรกความเบาสมองลงไป แล้วก็อย่างที่บอกครับว่าของดีไม่ได้มีแค่นั้น ยังมีบรรยากาศดีๆ ภาพสวยๆ ของมหานครนิวยอร์คเป็นฉากหลัง ซึ่งจุดนี้ความดีความชอบต้องยกให้ผู้กำกับภาพ David Watkin เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Out of Africa และมีผลงานอย่าง Help! (นำแสดงโดยสี่เต่าทอง) และ Chariots of Fire ในทำเนียบ
งานถ่ายภาพของ Watkin นี่จับอารมณ์ของแต่ละฉากได้อย่างพอเหมาะครับ ที่ผมชอบเป็นพิเศษคืออารมณ์ของฉากยามที่ตัวละครในเรื่องอยู่กันเป็นคู่ๆ ดูแล้วมันสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกที่พวกเขามีต่อกันน่ะครับ แล้วในเรื่องนี่เหตุเกิดในช่วงหน้าหนาวใช่ไหมครับ ฉากตอนที่พวกเขาเดินกันริมถนนนี่มันแผ่ซ่านความหนาวผ่านจอตรงมายังใจเราได้เลย
ผมชอบบรรยากาศฉากที่โรส แม่ของลอเรตต้าเดินกับเพอร์รี่ริมถนน เป็นฉากที่น่ารักครับ และดาราแสดงกันได้ดีมาก พวกเขาสื่ออารมณ์ของกันและกันได้อย่างน่าปรบมือ อย่างโรสนี่ก็กำลังสับสนว้าวุ่นใจอันเนื่องมาจากเรื่องของสามีและสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ ส่วนเพอร์รี่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอคงไปไม่ได้ไกลกว่านี้ แต่เขาก็ยังรู้สึกดี รู้สึกอิ่มเอมที่มีใครสักคนมาเดินเคียงข้างเขาในคืนอันแสนหนาวเช่นนี้
ของดีอีกอย่างที่ต้องยกนิ้วให้คือดนตรีเหมาะๆ ของ Dick Hyman ที่มาพร้อมกลิ่นอายของอิตาลีแบบเต็มอิ่ม – จังหวะจากเครื่องดีดเป็นอะไรที่เด่นมากมายครับ – อันนี้ขอแนะนำเป็นการส่วนตัวเลยว่าลองเอา Score ของหนังเรื่องนี้มาฟังดูสิครับ ฟังตอนระหว่างทำงานก็ได้ ผมเชื่อว่ามันจะช่วยเพิ่มพลังบวกและบรรยากาศดีๆ (ประหนึ่งนั่งอยู่ในอิตาลี) ให้กับท่านได้ไม่มากก็น้อย และบวกด้วย Soundtrack ดีๆ ที่หนังคัดมา เอาแค่เพลง That’s Amore เพลงเดียวก็เอาอยู่แล้วครับ

หนังได้เข้าชิง 6 รางวัลออสการ์ครับ ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Gardenia), ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แล้วหนังก็คว้า 3 รางวัลหลังมาได้ ซึ่งถือว่าคู่ควรทุกประการ เพราะทั้ง Cher และ Dukakis ต่างก็แสดงได้อย่างน่าจดจำ และบทของ Shanley ก็มีดีจริงๆ
รายได้ก็สวยงามครับ ทำเงินในบ้านไปราวๆ $80 ล้าน ถ้ารวมทั่วโลกก็โกยไป $122 ล้าน จากทุนประมาณ $15 ล้านครับ กำไรสวยงาม
เกร็ดหนึ่งที่อยากนำมาบอกเล่าคือ ตอนแรก Nicolas Cage เกือบจะไม่ได้มาเล่นครับ เพราะทางสตูดิโอไม่ค่อยประทับใจเขานักตอนเแสดงทดสอบ และว่ากันว่าสตูดิโออยากให้ Peter Gallagher มาเล่นแทน แต่ Cher ชอบการแสดงของ Cage มากจนถึงขั้นขู่ว่าถ้า Cage ไม่ได้เล่น เธอก็จะไม่รับเล่นเรื่องนี้เหมือนกัน จนในที่สุดสตูดิโอก็ต้องยอมครับ แล้วก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูก เพราะ Cage เพิ่งสีสันให้กับหนังได้จริงๆ
เกร็ดต่อมาคือ Mahoney ที่รับบทเพอร์รี่ได้ออกมาบอกว่า เพราะบทเพอร์รี่ที่เขาแสดงนี่แหละทำให้เขาได้รับเลือกร่วมแสดงในซีรี่ส์สุดฮิตอย่าง Frasier
และนี่เป็นหนังที่ Jewison ชอบที่สุดในบรรดาหนังที่เขากำกับครับ
อยากบอกว่าผมมีความสุขครับท ระหว่างดูนี่ถือเป็นช่วงเวลาที่แฮปปี้มากสำหรับผม หนังดูเพลิน เล่าเรื่องได้ลื่นไหล ดาราก็แสดงกันได้อย่างน่าจดจำ ดนตรีและ Soundtrack ก็เพราะเหลือหลาย บรรยากาศและงานภาพก็สวยกำลังเหมาะ จนผมยกให้เรื่องนี้เป็นหนังโรแมนติกเบาสมองที่ผมชอบมากอีกเรื่องหนึ่งเลยล่ะ
สองดาวสามส่วนสี่ดวงครับ

(7.5/10)
หมวดหมู่:Comedy, Drama, Movie Reviews, Recommended Movies, Romance, Romance Romance, Romantic Comedy










