
ดูต่ออีกหนึ่งสารคดีครับ หลังจากคราวก่อนเป็นเรื่องของ Nintendo ตอนนี้ก็ได้เวลาของเรื่องเครื่องเพลย์สเตชันของ Sony แล้ว
ผมชอบอันนี้มากกว่าอันก่อนครับ เป็นสารคดีที่เล่าได้กระชับขึ้น หลายจังหวะจัดว่าค่อนข้างเร้าให้ติดตามอยู่ เนื้อหาก็มาแบบเนื้อๆ ตรงเป้า โดยมีการเกริ่นถึงที่มาของ Sony นิดหน่อยกับจุดเริ่มต้นนวัตกรรมอย่างเครื่องโซนี่วอล์คแมนที่ Masaru Ibuka จุดประกายไอเดียจากการที่เขาอยากได้ฟังเพลงที่ตัวเองชอบระหว่างอยู่บนเครื่องบิน แล้วมันก็พัฒนามาเป็นเครื่องฟังเพลงแบบพกพาที่ได้รับความนิยมอย่างมหาศาล
แล้วสารคดีก็โดดมาเล่าถึงจุดเริ่มต้นของเครื่องเพลย์ครับ โดยวิศวกรคนสำคัญของ Sony อย่าง Ken Kutaragi มีไอเดียเกี่ยวกับเครื่องเพลย์สเตชันอยู่ในหัว แต่ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างครับ จากนั้นเขาก็เสนอให้ Sony ร่วมงานกับ Nintendo โดยตอนนั้น Sony ผลิตชิปเสียงให้กับเครื่องซูเปอร์แฟมิคอมครับ แล้วพวกเขากำลังจะจับมือต่อยอดผลิตอุปกรณ์พ่วงซีดีรอมเข้ากับเครื่องซูเปอร์ ซึ่งทาง Sony ได้ประกาศออกไปแล้วว่า Sony จะจับมือกับ Nintendo ในการสร้างนวัตกรรมใหม่
แต่แล้วจู่ๆ Nintendo กลับประกาศว่าจะไปร่วมมือกับ Philips แทน ซึ่งเป็นการหักหน้า Sony อย่างแรง
เหตุที่ Nintendo ทำเช่นนั้นกล่าวกันว่าเพราะ Nintendo กลัวว่า Sony จะโดดเข้าสู่สนามเครื่องเล่นเกม เพราะตอนนั้น Sony โตวันโตคืนโดดมาจับตลาดบันเทิงไม่ว่าจะภาพยนตร์ หรือดนตรี และจริงๆ Ken Kutaragi ก็มีไอเดียเกี่ยวกับเครื่องเพลย์อย่างที่บอกไป แต่ว่ากันว่าในตอนนั้น Sony ยังไม่มีแผนจะผลิตเครื่องเกมออกมาแข่ง
แต่อย่างไรก็ตาม Nintendo ก็คงจะกลัวน่ะครับ เลยดำเนินการหักหน้า Sony โดยไปจับมือกับ Philips เลยทำให้ Ken Kutaragi เสนอกับ Sony เลยว่า งั้นเรามาผลิตเครื่องเล่นเกมกันเถอะ แล้วประมาณ 4 ปีต่อมา เครื่องเพลย์สเตชันก็ถือกำเนิดพร้อมยอดขายถล่มทลาย

สารคดียังเอาภาพเหตุการณ์สำคัญ (หรือตามคำนิยามของผมคือ “ภาพกีฬามันส์ๆ”) มาใส่ลงไปด้วย นั่นคือเรื่องการแข่งขันระหว่างเคริ่องเพลย์สเตชันของ Sony กับเครื่องเซก้าแซทเทิร์นของ Sega ที่วางตัวกันว่าต้องไฝว้กันในวงการอย่างแน่นอน และ Sega ก็เดินเกมรุกก่อน โดยประกาศข่าวออกไปว่าเครื่องเซก้าแซทเทิร์นจะวางจำหน่ายเร็วกว่ากำหนด และจะจำหน่ายที่ราคา 399 เหรียญ แน่นอนว่าข่าวนี้สร้างความฮือฮาและหลายฝ่ายคาดว่า Sony น่าจะหนักใจกับหมากนี้ของ Sega แน่นอน
แต่กลายเป็นว่า Sony พลิกเกมกลับโดยการแถลงข่าวบ้าง โดยเรียกนักข่าวมากันเต็มพื้นที่ ตั้งโพเดี่ยมไว้ให้ Steve Race หัวหน้าฝ่ายพัฒนาของโซนี่เดินขึ้นไป และพูดเพียง 3 พยางค์ว่า Two-Nine-Nine (หรือ 299) แล้วเดินลงโพเดียมทันที – ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สั้นแต่มันส์สำหรับวงการเกมครับ
แล้วสารคดีก็เล่าความสำเร็จของ PS1 ไล่มาถึงความสำเร็จขั้นกว่าของ PS2 ก่อนจะมีจุดสะดุดบ้างใน PS3 และถีบตัวกลับมาผงาดอีกครั้งใน PS4 ก่อนจะถึงรุ่นล่าสุดอย่าง PS5 แล้วก็มีนวัตกรรมอย่างเครื่อง PSP ที่ออกมาเพื่อตีกับ Nintendo DS โดยเฉพาะ
ถือเป็นสารคดีที่เหมาะสำหรับคนที่อยากรู้ประวัติศาสตร์ของเครื่อเพลย์น่ะครับ ถือว่าบอกเล่าได้ไม่เลว แล้วก็มีการการย้อนอดีตให้เรารำลึกถึงเกมดังๆ แห่งยุคนั้นๆ อย่าง Final Fantasy VII และ Tomb Raider เป็นต้น โดยรวมถือว่าเล่าได้โอเคครับ เพียงแต่ลูกเล่นอาจยังไม่เยอะเต็มที่เท่านั้น
อยากจะสรุปความตรงนี้ว่า การที่เรามีเกมเพลย์เล่นกันทุกวันนี้ หนึ่งในผู้ที่ต้องขอขอบคุณ ก็คือ Nintendo ครับ
สองดาวกว่าๆ ครับ

(6.5/10)
หมวดหมู่:Documentary, Movie Reviews










