Cloudy with a Chance of Meatballs นี่เคยดูมาแล้วรอบหนึ่ง ล่าสุดก็เอามาเปิดดูกับลูกครับ ก็ถือว่าตอบโจทย์สร้างความบันเทิงได้ดี ผมว่าหนังก็ยังดูสนุกอยู่แม้จะเป็นการดูซ้ำรอบสองแล้วก็ตาม

เรื่องของนักประดิษฐ์นามว่าฟลินท์ที่ชอบสร้างของแปลกๆ มาทำความปั่นป่วนให้เมืองอยู่เสมอๆ แต่ล่าสุดสิ่งประดิษฐ์ของเขาที่สามารถเรียกให้อาหารตกลงมาจากฟ้าได้นั้นกลายเป็นสิ่งที่ช่วยให้เมืองที่ดูเงียบเหงาของเขาได้มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง อะไรๆ ก็ทำท่าจะไปได้ดีครับ จนกระทั่งฟลินท์เริ่มพบว่าสิ่งประดิษฐ์ของเขาชักจะเกินควบคุมมากขึ้นทุกทีๆ

หนังถือว่าสนุกดูเพลินดีครับ แนวทางที่หนังใช้ถือว่ามาทางเดียวกับ The Dark Knight ครับ นั่้นคือเล่าเรื่องแบบฮ่อตะบึงไปเรื่อยๆ จบฉากนั้นก็ต่อฉากนี้ มีเนื้อเรื่องหรือไม่ก็มุกตลกใส่ลงมาแบบไม่มีพัก ทำให้หนังน่าติดตามไปเรื่อยๆ เพราะเรื่องมันเดินไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีจังหวะชะลอสักเท่าไร ในแง่หนึ่งหนังเลยอาจไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมาก แต่หนังแอนิเมชั่นแบบนี้จะเน้นที่ความบันเทิงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอยู่แล้ว

ส่วนแง่คิดสำคัญเลยก็คือเรื่องความรับผิดชอบครับ คนเราทำอะไรลงไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ โดยเฉพาะถ้าสิ่งที่เราทำนั้นก่อปัญหาสร้างความเดือดร้อน เราก็ต้องลงมือแก้ไข ไม่ใช่เดินหนีไปแล้วทำไม่รู้ไม่เห็น – ถือว่าหนังสามารถชี้ชวนให้เราตระหนักถึงประเด็นนี้ได้อย่างน่าพอใจ

ถือเป็นงานแจ้งเกิดของคู่หูผู้กำกับ Phil Lord และ Christopher Miller พอดังจากเรื่องนี้พวกเขาก็ไปประสบความสำเร็จต่อกับหนังชุด Jump Street อีก 2 ภาค และ The Lego Movie และยอมรับว่าทุกวันนี้ผมยังเสียดายที่ไม่ได้เห็นพวกเขากำกับ Solo: A Star Wars Story

เรื่องนี้ลงทุน $100 ล้าน ได้คืนมา $243 ล้านจากทั่วโลก สวยงามจนต้องมีภาคต่อตามออกมา

สองดาวครึ่ง เพลินๆ ครับ

(7/10)