
ถ้าดูจากหน้าหนังแล้ว Shanghai ถือว่าน่าดูเลยครับ มาในแนวทริลเลอร์ย้อนยุคช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และยังได้ดาราอย่าง John Cusack, กงลี่, โจวเหวินฟะ, David Morse และ Ken Watanabe มาร่วมจอ
เรื่องของพอล โซมส์ (John Cusack) เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของทัพเรือที่แฝงตัวไปยังเซี่ยงไฮ้ด้วยบทบาทนักข่าวเพื่อไปเจอกับเพื่อนสายลับที่ชื่อคอนเนอร์ (Jeffrey Dean Morgan) แต่แล้วกลับเกิดเหตุไม่คาดฝันครับ ทำให้พอลต้องสืบหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับคอนเนอร์กันแน่ และนั่นก็ทำให้เขาได้พบกับแอนนา (กงลี่, Gong Li) ภรรยาของแอนโทนี่ (โจวเหวินฟะ, Chow Yun-Fat) หัวหน้ามาเฟียเซี่ยงไฮ้ และทานากะ (Ken Watanabe) นายทหารใหญ่ของญี่ปุ่นที่ประจำอยู่ที่นั่น
ด้วยฟอร์มนี่ทำให้ผมอยากดูเลยครับ มีเฮียโจว มีกงลี่ มีพี่ Ken ถือว่าดรีมทีมอยู่เหมือนกัน แต่ครั้นพอได้ดูแล้วก็รู้สึกกลางๆ ครับ จุดที่ถือว่ายังไม่แข็งเท่าไรคือบทครับ คือแทนที่บทจะมีความอลัง มีความยิ่งใหญ่ ประเภทว่ามีการเฉือนคมระหว่างคนอเมริกันอย่างพอล และคนญี่ปุ่นอย่างทานากะ หรือไม่ก็ให้พอลหักเหลี่ยมกับเจ้าพ่ออย่างแอนโทนี่ แต่หนังกลับสโคปเรื่องเป็นแนวดราม่าสืบสวนทั่วๆ ไป คือให้พอลตามสืบเกี่ยวกับคอนเนอร์ ซึ่งการสืบก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ออกแนวเรื่อยๆ และสืบแบบเรื่อยๆ ไม่ได้เร่งเร้าอะไรอีกเหมือนกัน
และอีกพล็อตหนึ่งที่กะไว้แล้วคือ หนังต้องให้พอลเกิดปิ๊งปั๊งกับแอนนาไม่ช้าก็เร็ว แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
การสืบร่องรอยของพอลนี่ก็ถือว่าค่อนข้างง่ายด้วยครับ ไม่ได้คอขาดบาดตายอะไร เหมือนพอลเดินสืบไปได้เรื่อยๆ โดยไม่ค่อยมีอุปสรรค หรือกว่าจะมีอุปสรรคก็ปาไปท้ายเรื่อง เข้าช่วงไคลแม็กซ์ไปแล้ว หรือเรื่องระหว่างพอลกับแอนนาก็เหมือนกัน จริงๆ ถ้าพอลมาข้องแวะกับแอนนาบ่อยๆ นี่ เจ้าพ่ออย่างแอนโทนี่ก็น่าจะทำอะไรบ้าง แต่นี่กลายเป็นว่าพอลค่อนข้างทางสะดวกครับ มีแค่ตอนต้นที่โดนลูกน้องของแอนโทนี่เขม่นนิดๆ เท่านั้นแหละ นอกนั้นพี่แกเข้าถึงตัวแอนนาได้ง่ายเหลือเกิน (แม้บทหนังจะพยายามอธิบายเอาไว้ว่าแอนโทนี่ไม่คิดอะไรมาก แต่นั่นก็เท่ากับเป็นการลดทอนบทของเฮียโจวไปโดยปริยาย)

คนที่มีบทบาทหลักๆ ของหนังเลยคือ Cusack กับกงลี่ครับ ส่วนเฮียโจวของผมกับพี่ Ken นี่ออกแนวบทสมทบ มีบทน้อยกว่าที่คิด ซึ่งถ้าว่ากันในแง่การแสดงแล้ว พวกเขาไม่ทำให้ผิดหวังครับ ไม่ว่าจะโผล่บนจอมากหรือน้อย แต่โผล่ทีไรการแสดงจะได้ใจเสมอ – แต่ถ้าว่ากันถึงเรื่องตัวบทแล้ว ผมว่าหนังยังใช้เฮียโจวกับพี่ Ken ไม่คุ้ม หรือกระทั่งกงลี่ก็เถอะครับ บทของเธอสามารถมีอะไรมากกว่าที่เป็นในหนังได้ แต่หนังก็สโคปบทของเธอแบบไม่ลงลึกน่ะครับ อะไรเหล่านี้ยอมรับว่าเสียดายเหมือนกัน – ในขณะที่ Cusack นี่ผมว่าแกโอเคอยู่แล้วครับกับบทนำ เพียงแต่ว่าพี่แกคงเด่นขึ้นอีกเยอะ หากได้เชือดเฉือนฝีมือกับเฮียโจวหรือพี่ Ken มากกว่านี้
หรือตัวเหตุการณ์ในเรื่องที่เป็นเหตุการณ์ก่อนอเมริกาจะเข้าร่วมสงครามโลก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือก่อนเกิดเหตุที่เพิร์ล ฮาร์เบอร์ จริงๆ ถ้าหนังจับจุดดีๆ จะสามารถสร้างเงื่อนไขเรื่องเงื่อนเวลามาสร้างความระทึกได้ครับ หรือไม่ก็เอาปมเกี่ยวกับการที่ญี่ปุ่นจะบุกเพิร์ล ฮาร์เบอร์นี่แหละมาเป็นประเด็น หนังคงจะมีอะไรเยอะขึ้น แต่เท่าที่เป็นนี่หนังแตะประเด็นนี้เพียงผิวๆ เท่านั้น นี่ก็น่าเสียดายอีกเหมือนกัน
ครับ บทยังไม่โอนัก แต่ในแง่งานสร้างนี่ถือว่าดีเลยนะครับ จริงๆ ตอนแรกหนังจะถ่ายทำกันในประเทศจีนครับ แต่แล้วจู่ๆ เจ้าหน้าที่ของจีนก็สั่งไม่ให้ถ่าย ทำให้กองถ่ายต้องยกกองไปประเทศอื่นอย่างไปถ่ายที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และมาถ่ายกันในประเทศไทยของเราด้วยครับ ไปถ่ายกันที่ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, สมุทรสาคร และสถานีหัวลำโพง ซึ่งถือว่าสมทุนระดับ $50 ล้านครับ
อีกอย่างที่จริงๆ ถือว่าดีแต่ไม่ใคร่จะได้ฉายแสงในหนังสักเท่าไรคือดนตรีของ Klaus Badelt ที่จัดว่าเอาเรื่องเหมือนกัน ตอนระหว่างดูอาจไม่รู้สึกนะครับ แต่พอถึงตอน End Credits นี่บอกได้เลยครับว่าพี่เขามีของ ดนตรีเขามีดี เพียงแต่ตอนถูกใส่ลงไปในหนังนั้นจังหวะที่ดนตรีบรรเลงอาจถูกกลืนไปกับความเรื่อยๆ ของหนังนั่นแหละ
นอกจากนี้เรายังจะได้เจอกับ Benedict Wong สมัยยังผอมเพรียวในบทคิตะ สายของคอนเนอร์ และ Gemma Chan รับบทเล็กๆ เป็นชินชิน หนึ่งในผู้หญิงของแอนโทนี่ รวมถึงดาราลายครามของบ้านเราอย่างคุณโกวิท วัฒนกุล ก็ได้ร่วมปรากฏตัวเล็กๆ ด้วยครับ
สรุปว่านี่เป็นหนังที่มีดีในเรื่องงานโปรดักชั่นครับ และได้พลังดารามาช่วยเอาไว้เยอะมาก เพราะตัวบทไม่ค่อยมีอะไรเท่าไร ส่วยรายได้ก็ไปไม่ได้ไกลนัก ทำไปเพียง $15 ล้านจากทั่วโลกครับ
สองดาวกว่า ให้ดาราครับ

(6.5/10)
หมวดหมู่:Drama, Movie Reviews, Mystery, Romance, Thriller










