Christmas Movies

Home Alone (1990) โดดเดี่ยวผู้น่ารัก

Untitled06869

สมัยก่อนตอนดู Home Alone รอบแรก ผมชอบในฐานะหนังฮาครับ ตอนนั้นยังไม่ค่อยมองประเด็นอื่นสักเท่าไร จนกระทั่งเอามาดูซ้ำแล้วซ้ำอีกความชอบก็มากขึ้น เพราะนอกจากความฮาแล้ว นี่ยังเป็นหนังครอบครัว+หนังคริสต์มาส+หนัง Feel Good ที่ทำออกมาได้ครบเครื่องมากๆ เรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกภาพยนตร์

เรื่องย่อง่ายมากครับ หนูน้อยเควิน (Macaulay Culkin) วัย 8 ขวบโดนครอบครัวลืมไว้บ้านขณะยกทัพกันไปเที่ยว แล้วเควินก็ต้องเผชิญกับ 2 โจรตัวร้ายอย่าง แฮร์รี่ (Joe Pesci) และมาร์ฟ (Daniel Stern) ที่ตั้งใจจะยกเค้าบ้านของเควิน

ไฮไลท์ของหนังหนีไม่พ้นตอนท้ายที่เควินวางกับดักเล่นงาน 2 โจรซะจนงอมพระราม เอามาดูในยุคนี้ 30 กว่าปีล่วงมาแล้วผมก็ยังรู้สึกว่ามันสร้างสรรค์ดีแท้ แต่ละกับดักนี่ก็ช่างคิดจัง – แล้วตัวกับดักว่าต้องคิดเยอะแล้ว แต่ผมว่าที่คิดเยอะกว่าคือการออกแบบความซวยของ 2 โจรน่ะครับ ว่าต้องโดนแบบไหนมันถึงจะฮา โดนท่าไหนมันถึงจะน่าจดจำ

แต่แน่นอนครับว่าท่ามกลางความสนุกโปกฮา ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉากพวกนี้มีความรุนแรงผสมอยู่ ซึ่งจริงๆ ถ้าใครเคยดูการ์ตูนของทางฝรั่งก็คงจะคุ้นกับมุกเจ็บตัวโหดๆ สไตล์นี้อยู่น่ะนะครับ – อันนี้ผู้ปกครองที่นั่งดูกับบุตรหลานก็แนะนำกันสักหน่อยแล้วกัน เพราะกับดักบางอันนี่ถ้าทำจริงอาจถึงตายได้เลยนะนั่น (แบบที่หนัง Better Watch Out เอามาทำให้ดูน่ะครับ)

การดูรอบล่าสุด ผมยังสนุกกับหนังอยู่ครับ อย่างแรกที่ยกนิ้วเลยคือ Macaulay Culkin ที่เล่นเป็นเควินได้ลื่นมากๆ และเมื่อมาบวกพลังเข้ากับ Pesci และ Stern ในบท 2 โจรแล้ว พลังมันยิ่งทวีคูณครับ คือ 3 คนนี้เอาอยู่เลยล่ะ ในขณะที่บทอื่นๆ อย่างคุณแม่ที่ Catherine O’Hara รับบทนั้นก็ต้องยอมรับครับว่ารายนี้ตอนเล่นให้ฮาก็ฮาได้ แต่พอจะซึ้งก็ซึ้งได้ใจ โดยเฉพาะแววตาของเธอตอนพยายามหาทางกลับบ้านไปหาลูกให้ได้นั้น ดูแล้วเชื่อจริงๆ ว่าเธอเป็นแม่ที่ห่วงลูกจนสุดหัวใจ

Untitled06870

ที่ลืมไม่ได้ก็ยังมี John Candy ในบทกัส นักดนตรีเพลงโพลก้าพเนจรที่ยื่นมือมาช่วยเหลือแม่ของเควินในตอนท้ายกับ Roberts Blossom ในบทมาร์ลี่ย์ ชายชราปริศนาที่มีข่าวลือว่าเขาคือฆาตกรโหด 2 รายนี้ก็เสริมความอบอุ่นให้กับเรื่องราวได้อย่างน่าปรบมือครับ ซึ่งทั้ง 2 ท่านก็ได้จากโลกนี้ไปแล้ว เช่นเดียวกับ John Heard เจ้าของบทพ่อของเควิน รายนี้ก็จากเราไปแล้วเช่นกัน ก็ต้องขอไว้อาลัยทุกท่านมา ณ ที่นี้ครับ

พระเอกอีกหนึ่งของหนังนี่ผมยกให้ดนตรีเลยครับ งานที่ปรมาจารย์ John Williams ประพันธ์ให้กับหนังเรื่องนี้คือหนึ่งในงานคลาสสิค ไม่ใช่แค่ฟังแล้วไพเราะเสนาะหูเท่านั้น แต่ยังมีลูกเล่นลูกล่อลูกชน นำพาห้วงอารมณ์คนดูให้สนุกไปกับหนัง หรือซีนไหนที่ซึ้งๆ หนังก็จะมาพร้อมทำนองเพลง Somewhere In My Memory ซึ่งท่วงทำนองของดนตรีสามารถทำให้คนดูรู้สึกซึ้งกินใจ และที่สำคัญคือฟังแล้วสัมผัสได้ถึงไอหนาวของเทศกาลคริสต์มาส พร้อมกับได้ไออุ่นของความเป็นหนังครอบครัวไปพร้อมๆ กัน

ตอนแรกคนที่จะมาทำดนตรีให้กับหนังคือ Bruce Broughton ครับ แต่เขาตัดสินใจถอนตัวไปทำดนตรีให้ The Rescuers Down Under แทน จากนั้นก็มีคนเสนอให้ติดต่อ Williams มาทำ ซึ่งตอนแรกทีมงานก็กลัวครับว่า Williams จะไม่มาทำดนตรีให้กับหนังเด็กๆ เล็กๆ เรื่องนี้ แต่พอ Williams ได้ดูบางส่วนของหนังที่มีการตัดต่ออย่างคร่าวๆ Williams ก็บอกกับทีมงานเลยว่าเขารู้สึก “ต้องมนต์” หนังเรื่องนี้เข้าให้แล้ว และยอมมาทำดนตรีให้ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง

สิ่งต่อมาที่ต้องขอชื่นชมคือบทที่เขียนโดย John Hughes ที่ออกมากลมกล่อมพอเหมาะ สามารถแพ็ครวมหนังฮา+หนังครอบครัว+หนังคริสต์มาส+กลิ่นอายแฟนตาซีนิดๆ เข้าด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่ง Hughes ได้ไอเดียหนังเรื่องนี้ระหว่างที่เขากำกับเรื่อง Uncle Buck ครับ โดยที่เรื่องนั้น Macaulay Culkin ก็ร่วมแสดงด้วย และ Hughes ก็เขียนบท Home Alone โดยนึกภาพ Culkin นี่แหละครับเป็นบทนำ

และการกำกับของ Chris Columbus ก็คุมหนังได้อยู่มือทีเดียว ซีนฮาก็ฮา ซีนซึ้งก็กินใจและ Columbus ยังบอกอีกว่าเหตุผลหนึ่งที่เขารับทำหนังเรื่องนี้ก็เพราะสิ่งที่เขากลัวฝังใจเมื่อสมัยยังเป็นเด็กก็คือ “หัวขโมย” ครับ เขาเลยมีจินตนาการเกี่ยวกับหัวขโมยเก็บไว้ในหัวตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็เอาภาพเหล่านั้นมาถ่ายทอดให้เราได้เห็นในหนังนั่นเอง

Untitled06873

จริงๆ ตอนแรกนั้น Columbus เองก็ไม่คิดหรอกครับว่าเขาจะได้มาทำหนังเรื่องนี้ เพราะผลงานชิ้นก่อนหน้าอย่าง Heartbreak Hotel ไม่ทำเงิน – หนังลงทุน $13 ล้าน แต่ได้คืนมาแค่ $5 ล้านเท่านั้น – เขาคิดด้วยซ้ำว่าอาชีพกำกับหนังของเขาคงจะจบแล้ว แต่พอดีว่าก่อนหน้านั้นเขากับ Hughes เคยได้เจอกันครับ และ Hughes ได้ชวนเขาไปทำ National Lampoon’s Christmas Vacation ซึ่ง Columbus ก็เกือบจะได้กำกับอยู่แล้ว แต่กลายเป็นว่าเขากับนักแสดงนำอย่าง Chevy Chase เข้ากันไม่ค่อยได้ครับ Columbus เลยจำต้องเดินออกจากโปรเจคท์ไป (ที่ใช้คำว่า “จำต้องเดินออก” ก็เพราะใจของ Columbus น่ะไม่ได้อยากเดินออกเลย เขาอยากได้งานนี้จะตาย แต่ทำไงได้ครับ ในเมื่อตอนนั้น Chase ก็เป็นดาราใหญ่ เขาไม่เดินออกก็ไม่ได้)

แต่ Hughes ก็ยังเล็งเห็นในความสามารถของ Columbus อยู่ครับ พอสบโอกาสเขียนบท Home Alone ขึ้นมาสำเร็จ Hughes เลยส่งบทไปให้ Columbus อ่านทันทีที่ทำได้ ซึ่งเมื่อ Columbus ได้อ่านบทเขาก็ตระหนักเลยว่านี่แหละคือบทนี่ดีที่สุดบทหนึ่งเท่าที่เขาเคยเจอมา และเขาก็ตอบรับงานอย่างรวดเร็ว ซึ่ง Columbus เองก็ยังรู้สึกขอบคุณ Hughes เสมอครับที่ให้โอกาสดีๆ นี้กับเขา – และ Columbus คิดเสมอว่าถ้าเขาไม่ได้ทำเรื่องนี้ ก็คงไม่ได้โอกาสทำหนังฮิตเรื่องต่อๆ มาอย่าง Mrs. Doubtfire และ Harry Potter 2 ภาคแรก

เกร็ดสนุกๆ ของหนังที่อยากเอามาบอกก็คือ ระหว่างการถ่ายทำนั้น Pesci พยายามหลีกเลี่ยงไม่เจอกับ Culkin เพราะเขาอยากให้ Culkin รู้สึกว่าเขาน่ะน่ากลัวและไม่น่ารักครับ ว่าง่ายๆ คือช่วยให้เด็กเข้าถึงบทได้ง่ายขึ้นนั่นแหละ

และจริงๆ Hughes นั้นเป็นมือเขียนบทที่ไม่ชอบให้ใครมาเปลี่ยนแปลงบทของเขาตามอำเภอใจ แต่หนึ่งในไม่กี่คนที่เขายอมให้ด้นบทสดๆ ได้คือ John Candy ครับ ดังนั้นหลายบทพูดของ Candy น่ะ เขาด้นขึ้นมาเองครับ

Roberts Blossom เจ้าของบทชายชรามาร์ลี่ย์เคยออกมาบอกว่า บทนี้คือจุดสูงสุดในอาชีพการแสดงของเขา เพราะมีเด็กมากมายจำเขาได้ครับ และมักจะเดินมาทักเขาว่า “คุณคือคนนั้นใช่ไหม?”

Untitled06871

นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า ตามบทดั้งเดิมนั้นจะมีการหักมุมว่าแท้จริงแล้วลุงแฟรงค์จอมขี้ตืดคือผู้บงการให้ 2 โจรมาขโมยของตามบ้านครับ แต่สุดท้ายบทหนังในส่วนนี้ก็ถูกตัดออกไป

และคนที่เคยเกือบๆ จะมาเล่นเป็นบัซซ์ พี่ชายจอมกวนของเควินก็คือ Keanu Reeves และ River Phoenix ครับ

ทราบไหมครับว่าก่อนที่หนังจะมาฮิตระเบิดเถิดเทิงแบบนี้ หนังเคยโดนค่าย Warner Bros ปฏิเสธมาก่อนครับ ทาง Warner มองว่าทุนระดับ $10 กว่าล้านสำหรับหนังเล็กๆ แบบนี้มันมากไป แต่ยังดีที่ทีมงานได้ติดต่อกับทางค่าย 20th Century Fox เอาไว้ และ Fox ก็อุ้มโปรเจคท์นี้แทน และหนังทุนสร้าง $18 ล้านเรื่องนี้ก็สามารถโกยเงินในอเมริกาได้ถึง $285 ล้าน และหากทั่วโลกก็จะโกยไปถึง $476.6 ล้านทีเดียว กำไรถล่มทลายอย่างแรงครับ

และอีกเกร็ดหนึ่งที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวคือ Macaulay Culkin มักเรียก Catherine O’Hara ว่า “แม่” ครับ และเขายังคงเรียกเธอแบบนี้จนถึงปัจจุบัน อันนี้ท่านสามารถตามไปดูในคลิปตอนที่ Culkin ได้รับการประทับชื่อที่ Hollywood Walk of Fame นะครับ ตอนที่เขาสวมกอดเธอ เขาก็ยังเรียกเธอว่า Mama อยู่ – เป็นอะไรที่ประทับใจจริงๆ ครับ

หนังเรื่องนี้ สนุกโปกฮา ดาราดี ดนตรีเยี่ยม เรื่องราวดูง่ายตอบโจทย์บันเทิง แต่ขณะเดียวกันก็ยังอุดมไปด้วยความอบอุ่นสไตล์หนังครอบครัววันคริสต์มาส พร้อมย้ำเตือนแง่คิดว่าด้วยความรักระหว่างคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเรื่องการถ้อยทีถ้อยอาศัย ใส่ใจกันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน รวมถึงการให้อภัยต่อกัน

และที่สำคัญที่สุดคือ “การย้อนมามองตัวเองโดยไม่มองแต่ตัวเอง” – หมายความว่า เราควรรู้จักย้อนมาตรวจสอบตัวเรา ว่าเราได้ทำสิ่งผิด ทำสิ่งไม่น่ารักลงไปให้ใครเขาต้องเจ็บช้ำหรือไม่สบายใจไหม ถ้าคำตอบคือ “ใช่” เราก็ควรปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น – และขณะเดียวกันเราก็ไม่ควรเห็นแก่ตนจนเกินไป ไม่ควรเอาแต่ใจตน เอาแต่เห็นตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล

ครบเครื่องครบรสสำหรับความเป็นหนังคริสต์มาส

สามดาวเต็มๆ ครับ

Star31

(8/10)

Untitled06872