Action

ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ตอน คดีปริศนาระเบิดระฟ้า (1997) Detective Conan: The Time Bombed Skyscraper

Untitled06844

ภาคแรกบนจอใหญ่ของนักสืบร่างจิ๋วเอโดงาวะ โคนัน การ์ตูนโคตรฮิตที่ตอนนี้เริ่มจะกลายเป็นการ์ตูนโคตรยืดแล้วอ้ะนะครับ (แต่เราๆ ก็ยังตามอ่านกันล่ะจริงมั้ยครับ สนุกดีออก ) นี่ก็คือฉบับหนังใหญ่ซึ่งก็สร้างกันออกมาตามแรงความฮิตนั่นแหละ

หนังก็เปิดเรื่องมาแบบแนะนำสิ่งต่างๆ ให้คนที่ไม่เคยดูการ์ตูนชุดนี้มาก่อนได้รับรู้เนื้อเรื่องหลักด้วยน่ะนะครับ ทั้งเล่าว่าคุโด้ ชินอิจิคือใคร แล้วต้องมาตัวจิ๋วเล็กลงเป็นเอโดงาวะ โคนันได้ยังไง (แล้วทุกภาคมันก็จะเปิดเรื่องแบบเล่าลักษณะนี้ไปตลอด) แล้วก็เป็นเหมือนฉบับการ์ตูนน่ะครับ แนะนำคุณลุงโมริ โคโกโร่ที่ไขคดีไม่ค่อยจะได้ จนโคนันต้องเอานาฬิกายาสลบยิงให้แกนิทราไป เพื่อโคนันจะได้เอาหูกระต่ายเปลี่ยนเสียงแล้วไขคดีแทน

จากนั้นหนังก็เข้าสู่เรื่องหลักของภาคนี้ นั่นคือการตามล่าระเบิดปริศนาที่ถูกวางไว้หลายจุด ตั้งแต่ในกล่อง ตามด้วยบนรางรถไฟสายโตโตะ ก่อนที่จะไปสิ้นสุดที่ตึกระฟ้า ซึ่งภาคนี้ก็เหมือนหนังใหญ่ซักเรื่องน่ะแหละครับ ที่นึกออกเลยก็คือ Die Hard With A Vengeance ไง ตัวเอกต้องวิ่งพล่านไปทั่วเมืองเพื่อยับยั้งระเบิดที่พร้อมจะบึ้มได้ทุกนาที แล้วยังต้องมานั่งไขปริศนาก่อนปลดระเบิดอีก

แม้จะเป็นอะไรที่เดิมๆ แต่โคนันก็ยังออกมามันส์ครับ การแก้คดีต่างๆ แม้จะไม่ได้เฉียบที่สุดก็เถอะ แต่ก็สนุกครับ ดูได้เรื่อยๆ คือถ้านี่เป็นหนังเรื่องอื่นๆ หรือเป็นการ์ตูนที่เพิ่งทำมาเป็นครั้งแรกเราก็อาจจะเฉยครับ แต่ด้วยความที่นี่เป็นตัวละครจากการ์ตูนโคนันที่เราคุ้นเคย มันเลยทำอารมณ์สนุกตามไปด้วยได้ไม่ยาก แล้วตัวละครก็มากันเกือบครบล่ะครับ ทั้งโมริ โคโกโร่, โมริ รัน ลูกสาวของโคโกโร่ แล้วก็เป็นเพื่อนสนิทของชินอิจิ อีกด้วย (ซึ่งเราก็รู้ๆ กันอยู่ ว่าสองคนนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนหรอกน่า เหอๆๆๆ ) ตามด้วยสารวัตรเมงุเระ, ดร.อากาสะ ผู้ดูแลโคนันคุงอยู่ แล้วก็ขบวนการนักสืบรุ่นเยาว์ทั้งสามคน

แล้วในภาคนี้ยังเปิดตัวผู้ช่วยของเมงุเระด้วยครับ นั่นคือผู้หมวดชิราโทริ ก็เป็นการเปิดตัวที่น่าสนใจดีครับ เพราะท่าทางแกดูจะฉลาดมากทีเดียว แรกๆ เหมือนจะมาจับทางโคนันได้ด้วยซ้ำ (แต่ตอนหลังๆ ก็ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่แล้วล่ะ)

ถ้าถามว่าสนุกมั้ย ก็โอเคล่ะครับ ใช้ได้เลย แต่ว่าการไขคดีผมก็ว่าฉบับการ์ตูนยังออกจะมันส์และตื่นเต้นค่อนข้างมาก เพราะแม้ภาคตอนสั้นๆ มันจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ก็เถอะ แต่ปม การฆาตกรรมและส่วนต่างๆ มันได้อารมณ์การ์ตูนแนวฆาตกรรมมากกว่าเยอะ คือน่ากลัวด้วย และสนุกด้วย แต่กับเรื่องนี้มันเป็นหนังการ์ตูนแอ๊คชั่นซะล่ะมากกว่า

แต่ผมก็ยังชอบอยู่น่ะครับ ดูเอาสนุก เอาเพลิน และถ้าว่าตามจริงผมก็ออกจะชอบช่วงท้ายของเรื่องเอามากๆ นั่นคือการวางระเบิดอันสุดท้ายที่ตึกเบกะซิตี้

โอเคครับ ช่วงแรกๆ มันก็เป็นเหมือนหนังแอ๊คชั่นสืบสวนแบบที่พอจะคุ้นเคย แต่จุดที่ผมติดใจกลับไม่ใช่การแก้ปม การกุ้ระเบิดหรอกครับ ผมล่ะติดตามในส่วนเนื้อเรื่องระหว่างชินอิจิกับรันต่างหากล่ะ รู้ๆ กันอยู่ครับว่าชินอิจิตัวหดจิ๋วเป็นโคนัน ทำให้สองคนนี้ไม่พบเจอกันเลย แต่แล้วในหนังภาคนี้ก็สร้างปมที่น่าติดตามขึ้นมา เพราะวันที่ 4 พฤษภาคม คือวันเกิดของชินอิจิไงครับ (แล้วมันก็พอดี เป็นวันเดียวกับที่เชอร์ล็อค โฮล์มสกับศจ.เจมส์ มอริอาตี้ต่อสู้กันจนตกหน้าผาไรเคนบาสค์ ฟอลส์ด้วย)

รันเลยอยากจะนัดเขามาเซอร์ไพร์สวันเกิด ดูหนังโต้รุ่งตั้งแต่คืนวันที่ 3 พอถึงวันที่ 4 ก็จะได้ให้ของขวัญไงล่ะครับ

ใครจะว่าไงไม่ทราบนะครับ แต่ปมแบบนี้แหละน่าติดตามเอามากๆ สำหรับผม มันเรื่องเชิงชีวิตน่ะครับ คือมันก็ลุ้นกันมานานแสนนานแล้วว่าสองคนนี้จะลงเอยกันเมื่อไหร่หว่า แม้จะรู้ทั้งรู้ก็เถอะว่ามันคงจะไม่ได้ลงเอยกันในภาคนี้หรอก แต่มันก็อดลุ้นไม่ได้ว่าทั้งสองจะได้มาเจอกันมั้ย

แล้วพอมาตอนท้ายคนร้ายเกิดวางระเบิดไว้ที่ตึกเบกะซิตี้ ที่ซึ่งรันนัดชินอิจิไปเจอพอดี งานนี้ก็เป็นเรื่องสิครับ รันจะรอดหรือเปล่า ชินอิจิจะวิ่งไปช่วยทันมั้ย แล้วถ้าช่วยจะช่วยยังไงล่ะ

ผมคงไม่ต้องบอกหรอกนะครับว่าตอนจบมันเป็นอย่างไรแฮ้ปปี้หรือไม่ (เพราะถ้าไม่แฮ้ปปี้ ป่านนี้เรื่องโคนันก็จบไปแล้วล่ะครับ รันไม่มาวิ่งไล่คาราเต้ผู้ร้ายจนถึงทุกวันนี้หรอก) แต่จุดที่ผมชอบก็คือ รันจะต้องมาหยุดระเบิด

เอาล่ะถ้าไม่อยากทราบอะไรต่อ ก็ข้ามไปอ่านดาวเลยนะครับ มันอาจจะสปอยล์ได้ แต่ผมประทับใจเหลือเกินครับ

**********************************

แม้หนังจะเล่นมุขเดิมๆ ของหนังแนวนี้นั่นคือ สีแดง หรือสีน้ำเงิน นึกออกมั้ยครับ การกู้ระเบิดมันจะมีการตัดเส้นสายไฟเพื่อหยุดระเบิด หากตัดถูกเส้น มันก็จะระเบิด หากจะรอดก็ต้องตัดเส้นที่ถูก แต่ปัญหาคือเส้นไหนล่ะ แดง หรือ น้ำเงิน

มุขนี้โคตรซ้ำ โคตรเจอบ่อยเลยครับ แต่เจอทีไรมันก็ยังลุ้นนะ แต่กับเรื่องนี้ แม้มันจะมุขเดิมโคตรๆ แต่ขอโทษ มันดันมีความหมายซะอีกแน่ะ

ในเรื่อง รันต้องตัดสินใจตัดเส้นสายไฟตามลำพัง แดง หรือ น้ำเงิน ถ้าเป็นเรื่องอื่นก็งั้นๆ แหละ แต่เรื่องนี้การตัดเป็นไปอย่างมีเหตุผลครับ ไม่ได้ฟลุ๊ค ไม่ได้มั่ว เพราะหนังปูพื้นตลอดว่า สีแดงเป็นสีนำโชค เป็นสีที่ชินอิจิชอบ กล่าวคืออะไรๆ ที่เกี่ยวกับรันและชินอิจิล้วนเป็นสีแดงทั้งหมด ดังนั้นหากว่ากันตามจิตวิทยาทั่วไป รันก็น่าจะเลือกตัดสีแดงจริงมั้ยครับ ก็เป็นสีนำโชคอ้ะ และผู้ร้ายก็รู้จัดนี้ด้วย เลยเลือกให้สีแดงเป็นเส้นที่หากตัดแล้ว ระเบิดจะบึ้มทันที

แล้วรันก็ทำท่าจะตัดเส้นสีแดงครับ … แล้วก็ฉับ … แต่ไม่ระเบิด

เพราะอะไรน่ะเหรอครับ เพราะรันเกิดเปลี่ยนใจไปตัดเส้นสีน้ำเงินแทน!

สรุปตอนท้ายเรื่อง หนังก็มาเฉลยว่า แม้สีแดงจะเป็นสีนำโชคมาตลอด แต่รันเลือกตัดเส้นสีน้ำเงิน เพราะ เธอไม่อยากตัดเส้นสีแดง

“… ก็ เพราะด้ายแดงอาจจะเชื่อมพี่กับชินอิจิเอาไว้น่ะสิจ๊ะ” เธอเลยไม่อยากตัดด้ายแดงที่เชื่อมเธอกับคนที่เธอรักไว้

มันเป็นความเชื่อครับ ทางจีน ทางญี่ปุ่นเขาเชื่อกันว่า คนที่จะมาเป็นคู่กันน่ะ จะมีด้ายแดงผูกเชื่อมไว้ ดังนั้นใครจะว่าไร้สาระมันก็สุดแท้แต่ล่ะครับ แต่ผมคิดอย่างเดียว

แมร่งมีความหมายโคตรๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ดังนั้นช่วงแรกๆ มาเรื่อยๆ ครับ ไม่คิดอะไรมากดูเพลินๆ ตามสูตรหนังกุ้ระเบิด แต่พอมาตอนท้าย แม้จะเข้าสูตรหนังกู้ระเบิด แต่ทีมงานก็หักให้มันกลายเป็นการกู้ระเบิดที่มีความหมายไปซะได้

ไม่ถึงกับเฉียบคม แต่ได้อารมณ์สุดตีนครับ โรแมนติกจะตายอ้ะ แม้ในเรื่องรันจะมีบทน้อยมากๆ แต่หนังทำได้ครับ ทำให้เราเชื่อว่าสำหรับรันแล้ว หายใจเข้าก็ชินอิจิ หายใจออกก็ชินอิจิ

และนี่คือจุดที่ผมประทับใจมากทีเดียวล่ะครับ หนังปิดภาคแรกของหนังใหญ่ได้สวยงามดี แม้จะไม่สุดยอด แต่ก็ไม่ได้ราบเรียบ

*****************************

ครับ นั่นแหละความชอบส่วนตัวนะครับ แต่ผมชอบจริงๆๆ นะ เหตุผลในการตัดระเบิดนั่น ทำเอาผมยิ้มอึ้งไปเลยครับ ตอนดูรอบแรกน่ะ คิดได้ไงว่ะ เชื่อมดีจริงๆ

สรุปนะครับ ตอนแรกของหนังใหญ่ชุดโคนัน อาจจะไม่ได้สนุกเต็มที่เท่าตอนเราอ่านการ์ตูน แต่ก็เป็นก้าวแรกที่น่าพอใจล่ะครับ

รับไปสองดาวครึ่งนะครับ

Star22

(7/10)