Christmas Movies

1,000 Miles from Christmas (2021) คริสต์มาส 1,000 กม.

Untitled06780

ผมคิดเสมอครับว่าสิ่งที่เราทำเป็นอย่างแรกๆ เมื่อตอนเริ่มต้นของวันนั้นมันจะส่งผลต่อวันนั้นๆ ของเราไม่มากก็น้อย ประมาณว่าทำเรื่องดีๆ พูดสิ่งดีๆ แล้ววันนั้นก็จะดูสดใสยิ่งขึ้น หรือถ้าดูหนังดีๆ มีเนื้อหาเปี่ยมพลังเราก็จะพลอยมีพลังไปด้วย – แล้วผมมาตระหนักถึงประเด็นนี้แบบเต็มๆ ตอนดูหนังเรื่องนี้นี่แหละ

เรื่องนี้เป็นหนังคริสต์มาสของสเปนครับ ว่าด้วยราอุล (Tamar Novas) นักตรวจสอบบัญชีที่เกลียดวันคริสต์มาส – เนื่องจากเขาเจออะไรร้ายๆ ในวันคริสต์มาสมาตลอดชีวิต – แล้วเขาก็วางแผนจะไปเที่ยวที่ไกลๆ เพื่อหลบเลี่ยงเทศกาลนี้ แต่พอดีเจ้านายดันมีงานด่วนให้เขาต้องไปตรวจสอบบัญชีของโรงงานแห่งหนึ่ง เขาเลยจำยอมครับ ต้องไปทำหน้าที่ และที่นี่เองที่ทำให้เขาได้พบกับพอลล่า (Andrea Ros) ครูสาวประจำเมืองคนขยันที่มีศรัทธาในวันคริสต์มาสอย่างเต็มเปี่ยม และเธอนี่แหละครับที่ทำให้เขาค่อยๆ มีความรู้สึกเปลี่ยนไปในวันคริสต์มาส

โอเค ฟังจากพล็อตแล้วก็ลงสูตรหนังโรแมนซ์วันคริสต์มาสนะครับ ตัวเอกเป็นคนจากเมืองใหญ่ที่เดินทางไปยังหมู่บ้านเล็กๆ แล้วก็เจอนางเอกมาเปลี่ยนชีวิต ออกแนว Feel Good ดูแล้วเปี่ยมความหวัง – ก็ต้องขอบอกตรงนี้เลยครับว่าเนื้อหามันอาจจะประมาณนั้นก็จริงอยู่ แต่เนื้อในตรงรายละเอียดมันไม่เชิงแบบนั้นสักเท่าไร

ผมก็คงต้องสปอยล์น่ะครับ แต่ก็ขอเล่าแบบไม่สปอยล์สักหน่อยให้ท่านพอทราบก่อนจะดูหนังเรื่องนี้ คือช่วงชั่วโมงแรกของหนังนั้นหนังก็ออกแนว Feel Good ดีอยู่หรอกครับ เมื่อพอลล่าและชาวบ้านพยายามหยิบยื่นไมตรีให้กับราอุล บวกด้วยบรรยากาศดีๆ ในหมู่บ้านที่แม้จะเล็กแต่ก็ดูอบอุ่น มีการประดับไฟสวยงามดูน่ารัก ชั่วโมงแรกของหนังนี่ทำให้ผมรู้สึกดีมากเลยแหละ แต่แล้วพอถึงครึ่งชั่วโมงหลังเหมือนหนังสับโหมดน่ะครับ พลิกจาก Feel Good ไปเป็น Feel ไม่ Good อะไรดีๆ ที่สร้างไว้ชั่วโมงแรกถูกบั่นทอนลงไปพอตัวในช่วงท้าย

สารภาพเลยครับว่าพอดูหนังจบ Feel ผมมันไม่ใคร่จะ Good สักเท่าไร – ด้วยเหตุนี้แหละครับผมถึงบอกว่าการดูหนังเรื่องนี้ทำให้ผมตระหนักเลยว่าสิ่งที่เราเจอตอนเช้านั้นมันจะส่งผลต่อเราไม่มากก็น้อย พูดให้ชัดเลยคือพอดูหนังจบ ผมรู้สึกอึนไปไม่น้อย อารมณ์เหมือนเมาหมัด ต้องมานั่งตั้งหลักอยู่พักใหญ่กว่าจะกลับมา Control อะไรๆ ได้

ถ้าให้สรุปคร่าวๆ ตอนนี้ จริงๆ หนังก็ดูได้แหละครับ ดูได้เพลินๆ หลายช่วงก็ทำได้น่ารักดีโดยเฉพาะตอนที่ต้นรักระหว่างราอุลกับพอลล่าค่อยๆ เบ่งบาน หรือตอนที่พวกเขาเล่นทายชื่อหนังกันนี่เป็นฉากที่น่ารักมากๆ เลยล่ะ ไหนจะบรรยากาศเป็นมิตรในเมืองเล็กๆ อีก เพียงแต่ต้องบอกท่านไว้ก่อนว่าท่านอาจจะต้องเตรียมรับบรรยากาศที่ไม่น่ารักนักในตอนหลัง หากท่านรับได้ก็ดีครับ แต่หากใครเซ็นซิทีฟหน่อย (แบบผมเนี่ย) ก็อาจต้องตั้งรับ เพื่อ Feel จะได้ไม่ Down จนเกินไป

Untitled06781

===========
===========
ขอสปอยล์ละนะครับ
===========
===========

อย่างที่บอกน่ะครับว่าชั่วโมงแรกของหนังทำออกมาได้กำลังดี มันได้อารมณ์ Feel Good แม้ตัวเอกอย่างราอุลจะดูไม่ค่อยเป็นมิตรนักก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้น่ารำคาญจนเกินไปน่ะครับ แค่ไม่ค่อยอยากสุงสิงกับใครและไม่อินวันคริสต์มาสเท่านั้นเอง

แล้วหนังก็บิ้วอารมณ์ให้ Feel Good มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพอลล่าเริ่มชอบราอุล ตอนพวกเขาใช้เวลาร่วมกันนี่ผมว่าเป็นภาพที่น่ารักนะ แล้วชาวเมืองที่อยู่รอบตัวพวกเขาก็แสดงออกถึงความน่ารักตามประสาคนในหมู่บ้านเล็กๆ ได้แบบพอเหมาะ

ทีนี้เรื่องมันมาเปลี่ยนทิศก็เพราะตัวละครที่ชื่อมาเทโอ (Peter Vives) ที่เป็นเจ้าของโรงงานที่ราอุลไปตรวจสอบนั่นแหละครับ มาเทโอนั้นก็แอบชอบพอลล่าเหมือนกัน พอรู้ว่าพอลล่ากับราอุลรักกันก็เลยเกิดอารมณ์หึงและเดินไปบอกพอลล่าว่าราอุลกำลังจะแกล้งเขาจนเขาอาจต้องปิดโรงงาน (แต่จริงๆ ราอุลไม่ได้แกล้งครับ เขาแค่ตรวจพบพิรุธในบัญชี เลยขอให้มาเทโอตรวจสอบเท่านั้น – ราอุลทำตามหน้าที่น่ะครับ)

จริงๆ ฉากนี้ผมไม่มีปัญหาครับ เพราะคิดไว้แล้วล่ะว่ามันคงเป็นแบบนี้ และตามสูตรหนังโรแมนติกสไตล์นี้แล้ว มันต้องมีครับจุดที่ตัวละครพระนางเกิดผิดใจกันน่ะ มันคือสูตรอยู่แล้ว ดังนั้นอันนี้รับได้ ไม่แปลก ความรักมันก็ต้องมีอุปสรรคกันบ้างเป็นของธรรมดา

แต่กลายเป็นว่าตอนที่มาเทโอใส่ร้ายราอุลให้พอลล่าฟังนั้นดันมีคนไปได้ยิน ทีนี้เลยเกิดการบอกเล่าแบบปากต่อปากในหมู่ชาวบ้าน บิดเรื่องจนผิดเพี้ยนไปเรื่อยๆ กลายเป็นว่าราอุลเป็นคนไม่ดีอย่างมาก จนคนทั้งเมืองพากันเกลียดชังเขาและปฏิบัติไม่ดีต่อเขา

นี่ล่ะครับที่ทำให้ Feel มันเลิก Good คือมันทำลายภาพความน่ารักของเมืองและชาวเมืองไปเลย – จริงๆ ไอ้เราก็แอบคิดตอนที่มาเทโอใส่ร้ายนะ ว่าหนังมันจะไปในทางที่ว่า พอพอลล่าเข้าใจผิดเธอเลยตีตัวออกห่างราอุล แต่ก็ได้ชาวเมืองที่แสนดีนี่แหละมาช่วยเป็นโซ่ข้อกลางสานสัมพันธ์ให้พวกเขาทั้งสองกลับมารักกันได้ – แต่ที่ไหนได้ ไม่ใช่โดยสิ้นเชิง

จริงๆ พอดูจนจบก็พอเข้าใจน่ะนะครับว่าหนังทำเรื่องราวส่วนตรงนี้ก็เหมือนจะเล่าเพื่อบอกเราว่าราอุลคือทองแท้ แม้ชาวเมืองจะเกลียดเขา ทำไม่ดีต่อเขา แต่เขาก็ยังช่วยชาวเมืองจนถึงที่สุด โอเคครับ ผมรู้แล้วล่ะว่าราอุลเป็นคนดี

แต่ประเด็นคือฉากที่ชาวเมืองทำตัวไม่น่ารัก หูเบา ฟังความข้างเดียว มันทำลายภาพน่ารักๆ ของเมืองนี้ไปเลย แล้วตัวละครที่จริงๆ น่าจะมาช่วยคลี่คลายเรื่องเหล่านี้อย่างแม่ของพอลล่า (Verónica Forqué) หรือพ่อของมาเทโอก็กลับไม่มีบทบาทอะไรเลย… หมู่บ้านนี้เลยดูน่ารักน้อยลงไปเลยครับ

แม้ตอนจบทุกอย่างจะคลี่คลาย ราอุลและพอลล่าจะได้ลงเอยกัน แต่บรรยากาศในเมืองมันไม่น่าอยู่ไปแล้วน่ะครับ ฉากที่ชาวเมืองขอโทษราอุลก็ไม่มี จริงๆ ช่วงท้ายก่อนหนังจบนี่เหมือนตัวละครชาวเมืองจะถูกตัดออกไปเลย – หมดครับ อารมณ์อบอุ่นน่ารัก หมดกัน

ก็ไม่รู้น่ะนะครับว่าคนทำหนังตั้งใจจะสื่อประเด็นสะท้อนสังคมถึงความหูเบาเชื่อคนง่ายของชาวบ้านอะไรแบบนั้นหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องถือว่าท่านทำสำเร็จล่ะครับ ท่านทำให้ชาวบ้านที่ดูน่ารักและมีน้ำใจในตอนแรกกลายเป็นชาวเมืองหูเบาไปเลย – แต่ผลข้างเคียงก็คือ Feel Good มันหายไปครับ – สารภาพเลยว่าเสียดายครับ

=======
=======
หมดสปอยล์
=======
=======

แม้เรื่องราวในหนังครึ่งหลังอาจ Feel ไม่ Good นัก แต่ผมก็ยังมองบวกครับ ว่าหนังสอนใจเราให้เราเตือนตัวเองว่า “อย่าเผลอไผลกลายเป็นสิ่งแวดล้อมแย่ๆ ในชีวิตใครเขา” – เราต้องตระหนักครับว่าเรานั้นคือสิ่งแวดล้อมของใครบางคนเสมอ ดังนั้นการมีอยู่ของเราจะช่วยทำให้เขารู้สึกดี รู้สึกมีพลัง หรือจะทำให้เขารู้สึกแย่ รู้สึกท้อแท้ รู้สึกหมดแรง นั่นเราก็เลือกได้ว่าจะเป็นแบบไหน

แง่คิดสำคัญจากการดูหนังเรื่องนี้สำหรับผมก็คือ อย่าเป็นหูเบา, อย่าด่วยสรุปอะไรหากยังฟังความไม่รอบด้าน, อย่าพูดแย่ๆ ให้คนเขารู้สึกไม่ด, อย่าโยนความผิดให้คนอื่น แต่จงยืดอกรับผิดชอบ หากมีปัญหาก็จงแก้ไขอย่างงามสง่า ไม่ใช่ขายผ้าเอาหน้ารอด หรือโยนเผือกร้อนให้คนอื่น

สรุปอีกทีครับว่าหนังก็ดูได้นั่นแหละครับ เพลินๆ เรื่อยๆ ตามสไตล์หนังรักวันคริสต์มาส แต่รสชาติหลายอย่างก็จะแปลกไปจากหนังฮอลลีวู้ดบ้าง ซึ่งผมถือเป็นเรื่องดีนะ ทำให้เราได้เจอรสชาติใหม่ๆ ด้วย แต่ยังไงก็ต้องบอกไว้ก่อนครับว่าใครคาดหวังว่าจะดูแล้วได้ Feel Good แบบเต็มๆ อาจต้องเผื่อใจไว้นะครับ แต่แม้หนังจะไม่ได้ Feel Good เต็มร้อย แต่หนังก็ให้แง่คิดดีๆ ครับ หนังเตือนสติเราได้ตามประเด็นที่ผมบอกไปนั่นแหละ – อ้อ แต่นักแสดงถือว่าทำหน้าที่ได้ดีครับ นางเอกน่ารัก พระเอกก็ดูน่ารักในแบบของตัวเอง ดูสมกันดี

ถ้ามองกันที่ตัวหนังและสิ่งที่หนังสื่อ ผมถือว่าหนังมีดีครับ – แม้หนังจะไม่ตรงใจผมในบางอย่าง แต่ถ้ามีดีก็ต้องบอกว่ามีดีครับ

สองดาวกว่าครับ

Star21

(6.5/10)