ผมเล็งจะดูเรื่องนี้มาหลายที และหมายมั่นว่าจะดูในตอนเช้าด้วยนะครับ เพราะเชื่อว่าหนังมันต้อง Feel Good และให้พลังกับเราได้แน่ๆ ครั้นพอดูจบผมก็เดินไปที่กระจกแล้วยิ้มให้ตัวเองหนึ่งที พลางบอกกับตัวเองว่า “ขอบคุณที่เลือกเปิดเรื่องนี้” ^_^

หนังเล่าถึงเรื่องของเฮเลน (Ellie Kemper) ครูสาวที่เพิ่งหย่าร้างกับสามี แล้วเธอก็ตัดสินใจจะหาสิ่งใหม่ๆ ทำเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ เลยไปสมัครเข้าค่ายเดินป่าครับ ที่แห่งนั้นเธอได้พบเจอเพื่อนร่วมทริปหลากแบบหลายสไตล์ และที่คาดไม่ถึงคือได้เจอกับเจค (Luke Grimes) เพื่อนสนิทของน้องชายเธอที่มาร่วมเดินป่าหนนี้ด้วย – แล้วทริปนี้จะให้อะไรกับเธอบ้าง คำตอบอยู่ในหนังครับ

สิ่งแรกที่กระแทกเข้าเบ้าตาผมคือภาพธรรมชาติและวิวสวยๆ ครับ ปกติหนังแนวโรแมนติก Feel Good ก็จะมีวิวสวยๆ โผล่มาสลับฉากเพื่อเพิ่มอารมณ์ใช่ไหมครับ แต่กับเรื่องนี้นี่หนังเดินเรื่องในป่าเป็นส่วนใหญ่ เรียกว่าไม่ใช่สลับฉากล่ะครับ งานนี้ตัวละครไปอยู่ในวิวนั้นจริงๆ เลย เราจะได้เห็นภาพบรรยากาศเขียวขจีของป่าไม้ และวิวงามๆ ผ่านเข้าตากันแบบเต็มที่ อารมณ์เหมือนเราไปเดินป่าร่วมกับพวกเขาเลยน่ะครับ

อย่างต่อมาที่ค่อนข้างถูกใจคือ ปกติแล้วตัวละครอื่นๆ ที่ไม่ใช่พระเอกนางเอกมักจะเป็นแค่บทสมทบใช่ไหมครับ หนังบางเรื่องก็แทบจะลืมตัวละครเหล่านี้ไปเลย – มัวแต่แช่กล้องจ้องแต่พระเอกนางเอก แล้วเห็นตัวละครอื่นเป็นของประกอบฉาก – แต่กับเรื่องนี้หนังแจกแจงตัวละครอื่นๆ ได้ค่อนข้างดีครับ ไม่ว่าจะเบ็คเกตต์ (Ben Cook) ไกด์นำทีมพาเข้าป่าผู้แสนจะจริงจัง, ฮิวจ์ (Nico Santos) นักแสดงอารมณ์ละมุน, วินดี้ (Shayvawn Webster) ที่แอบปิ๊งเจค, ซู (Julia Shiplett) ผู้ปฏิญาณว่าจะพูดให้น้อยลงกว่าเดิม, เคลี่ (Gus Birney) ผู้มีปมกลัวป่าและไม้ และ เมสัน (Esteban Benito) หนุ่มร่างสูงที่ทำท่าว่าจะเชี่ยวเรื่องการเดินป่า

เนี่ยครับ หนังทำให้เราจำคาแรคเตอร์ของพวกเขาได้ แต่ละคนก็จะมีโมเมนต์ของตนเอง และบางครั้งก็จะมอบบทเรียนดีๆ ให้กับเฮเลน ซึ่งถือเป็นชูรสชั้นดีให้กับหนัง – แต่กระนั้นก็ต้องขอว่าไปตามใจคิดว่าหนังทำประเด็นนี้ได้ “ค่อนข้างดี” แต่ยังไม่ดีแบบสุดๆ ครับ ว่าง่ายๆ คือช่วงกลางๆ หนังแจกแจงตัวละครต่างๆ ได้ดี อาจยังไม่ถึงกับดีสุดๆ (เพราะบางตัวละครสามารถลงลึกได้ แต่หนังกลับยังไปไม่ถึงจุดนั้น) แต่ก็ถือว่าอยู่ในขั้นดี แต่ที่ออกจะอึ้งสักหน่อยคือกลายเป็นว่าพอถึงจุดหนึ่งในตอนท้าย บทบาทของเหล่าเพื่อนร่วมเดินป่าของเฮเลนก็หายไปเลยครับ อันนี้ก็แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะอุตส่าห์ปูพื้นให้พวกเขาใช้ชีวิตร่วมกันในป่ามาตั้งขนาดนี้ บทจะจบก็ตัดจบแบบดื้อๆ จุดนี้ก็เสียดายอยู่ครับ

แต่โดยรวมหนังก็ดูสนุกครับ ตอนต้นๆ ช่วงปูพื้นให้เรารู้จักกับเฮเลนก็อาจยังไม่ค่อยมีอะไรนัก แต่พอเริ่มเข้าป่าความน่าสนใจก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น ได้เห็นป่าสวยๆ ได้รู้จักกับตัวละครทั้งหลายผ่านบทสนทนาและการกระทำ บางจังหวะก็ได้อะไรเก็บกลับมาคิด หรือไม่ก็อารมณ์ขันเบาๆ สลับอารมณ์ เรียกว่าทำออกมาค่อนข้างดี แต่ช่วงตอนท้ายหนังแลนดิ้งเร็วไปนิดครับ – นี่ถ้าปูจังหวะแลนดิ้งดีๆ หนังอาจถึงขั้นเรียกน้ำตาได้เลยล่ะ

แม้ช่วงท้ายอาจยังไม่ตรงใจผมนัก หนังก็ถือว่าควรค่าแก่การลิ้มลองครับ เป็นแนวโรแมนติก Feel Good ผสมอารมณ์ขันที่น่าพอใจเรื่องหนึ่ง ดูแล้วแฮปปี้ ดูแล้วยิ้มได้ ดูแล้วได้อะไรเก็บกลับมาคิด ยิ่งใครที่กำลังจะตั้งหลักตั้งศูนย์ให้กับชีวิตใหม่ หลังผ่านอะไรที่แย่ๆ มา ผมว่าเรื่องนี้เหมาะสำหรับท่านครับ

สองดาวกว่าๆ บวกๆ ครับ

(6.5/10)