Adventure

Spirited Away (2001) มิติวิญญาณมหัศจรรย์

Untitled06729

ครั้งหนึ่งเคยมีคนถามผมว่า หนัง Spirited Away สื่อถึงอะไร และผมมองว่าสัญลักษณ์ต่างๆ มันมีนัยว่ายังไงบ้าง

ผมยิ้มและตอบไปว่า “แล้วแต่จะตีความเลยครับ” 😊

ผมรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ให้ความสนุกเราได้หลายแบบ อย่างถ้าเราดูแล้วเก็ทหรือตีความอะไรได้ เราก็จะสนุกพร้อมได้สารอาหารทางสมองติดกลับมาใช้ในชีวิตได้

หรือถ้าเราดูแล้วไม่เก็ท เราก็เพียงลองอ่านบทความทั้งไทยและเทศที่เขียนถึงหนังเรื่องนี้ (ซึ่งมีเยอะอย่างแรง) อันว่าการตีความก็มีตั้งแต่ระดับประเด็นทางสังคม, ศาสนา, วัฒนธรรม, จิตวิทยา ยาวไปจนถึงระดับจิตวิญญาณเลยก็มี

ดูแล้วเก็ทเลยก็สนุก ดูแล้วไม่เก็ทก็ยังสนุกได้ สนุกไปกับการค้นหาและเรียนรู้โดยมีหนังเรื่องนี้เป็นเสมือนตัวแปรต้น

สำหรับผม บอกเลยว่ารอบแรกที่ดูผมแอบเกร็งนะ เพราะตอนนั้นยังถือว่าเด็กอยู่ (ตอนนั้นอายุประมาณ 20 ต้นๆ สำหรับผมถือว่ายังละอ่อนต่อโลกครับ 😊) และด้วยความที่หนังได้รับการกล่าวขาน มันเลยมีคำว่า “หนังคุณภาพ” ค้ำอยู่บนหัว เลยทำให้แอบเกร็ง แอบกลัว (ว่าจะดูรู้เรื่องไหมเนี่ย) จนรู้สึกหนักหัวนิดๆ

ครั้นพอได้ดู ผมลืมหมดครับ ความเกร็งหาย ความหนักหาย มันกลายเป็นความสนุก อย่างแรกภาพสวยมาก และออกตัวเลยว่าผมชอบการ์ตูนลายเส้นแบบเดิมๆ ยิ่งฉากป่าเขา ทุ่งโล่งนี่ยิ่งชอบ หนังเลยได้ใจผมแต่เริ่ม

Untitled06731

แล้วช่วงต่อมาผมก็สนุกเพลินไปกับการผจญภัยของชิฮิโระ สาวน้อยที่หลงไปยังมิติของวิญญาณ ต้องเผชิญกับเทพและมารรูปร่างแปลกๆ พบกับเหตุการณ์คาดไม่ถึงมากมาย และตามด้วยการหาทางกลับบ้านให้สำเร็จ

ตอนที่ดูรอบนั้นผมไม่สนเลยครับว่าหนังมันจะสื่ออะไร ลืมคิดไปเลยด้วยซ้ำ เพราะความสนุกมันเข้าตาโดนใจจนผมยินดีที่จะละวาง “หัว” ลง แล้วปล่อยให้ “ใจ” เริงรื่นเต็มที่ไปกับภาพ ดนตรี และจินตนาการที่จัดว่าโคตรอุดมสมบูรณ์ หลายฉากผมอุทานออกมาเลยว่า “คิดได้ไง? นี่จินตนาการออกมาขนาดนี้ได้ยังไง?”

เมื่อดูจนจบ เมื่อชิฮิโระหันไปมองอุโมงค์นั้นอีกครั้ง จำได้ว่าผมถอนหายใจแรงมาก ไม่ใช่เพราะเหนื่อยนะครับ แต่เพราะเหมือนเราได้รับการ “เติม” อะไรสักอย่างจน “เต็มอิ่ม” (ถ้าสมัยนี้ก็คงเรียกว่า “ฟินเว่อร์” น่ะครับ แต่เมื่อ 10 กว่าปีก่อนวลีนี้ยังไม่ถือกำเนิดขึ้น 555)

แล้วจากนั้นผมก็ดูหนังเรื่องนี้อีกหลายรอบ ความคิดหรือมุมมองที่มีต่อหนังก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ตามด้วยการอ่านแนวคิดและบทความของคนมากมายที่เขียนถึง ก็ทำให้คุณค่าของหนังเรื่องนี้ (สำหรับผม) มีมากขึ้นตามลำดับ

ดังนั้นนะครับ อย่างแรกที่ผมอยากให้หลายๆ คนทำก็คือ “ดู” ครับ

ไม่ต้องกลัวว่าจะดูรู้เรื่องไหม ไม่ต้องห่วงเรื่องหา “กระได” มาเพื่อปีนก่อนดู และไม่ต้องสนว่าจะตีความนัยหรือสัญลักษณ์ในเรื่องได้ไหม เพราะนี่มันหนังครับไม่ใช่ข้อสอบ มันไม่ต้องการคำตอบเพื่อเอาคะแนน เราไม่ต้องเข้าใจมันทั้งหมดหรอก

Untitled06730

สิ่งแรกที่อยากให้เข้าใจคือ เราชอบมันไหม? มันให้ความรู้สึกเต็มอิ่มกับเราไหม? แค่นี้พอครับ แล้วถ้าอยากวิพากษ์หรือเจาะลึก ก็แค่เอามาดูซ้ำ หรือไม่ก็อ่านบทความที่มีเลือกมากมายในโลกอินเตอร์เน็ทแห่งนี้

ผมเพิ่งดูรอบล่าสุดไปเมื่อกี้ครับ ผมยังรู้สึกอิ่มอยู่ (ไม่ถึงขั้นอ้วนเป็นหมูนะ) รู้สึกโล่งขึ้น (คงเหมือนกับท่านเทพแม่น้ำที่ได้รับการชำระล้าง) รู้สึกรักในความเป็นเรา (ยังคงจำได้ว่าเราชื่ออะไร แม้เราจะมีหลายบทบาท หลากหน้าที่แค่ไหนก็เถอะ)

จำได้มีอยู่ช่วงหนึ่งผมรู้สึกอินกับ “ผีไร้หน้า” ผมสวมชุดดำเดินไปไหนมาไหนอยู่พักใหญ่ๆ เดินไปตามถนน ระยะทางเป็นสิบๆ ป้ายรถเมล์, ขึ้นไปยืนบนสะพานลอย แล้วมองคน มองรถ มองโลกจากตรงนั้นอยู่นานสองนาน

ครั้งหนึ่งขณะผมกลับบ้านโดยรถไฟฟ้า ผมแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนก่อนที่จะขึ้นรถ (อ้างว่าขอไปทำธุระก่อน ยังไม่กลับ) เพื่อที่จะแอบขึ้นถัดไปอีกหนึ่งประตู แล้วก็ยืนดูพวกเขาอยู่ห่างๆ ดูพวกเขาคุยกัน ลองมองเพื่อนของเราในฐานะคนนอก โดยไม่เข้าไปร่วมวงสนทนาที่น่าสนุกนั้น

อยากลองหยุดเป็นตัวเองดูสักพัก… มันก็ได้รสไปอีกแบบหนึ่ง

สรุปอีกรอบนะครับว่า หนังเรื่องนี้ใครยังไม่ได้ดู โปรดดูเถอะครับ 😊

สี่ดาวครับ

Star41

(9/10)