
ด้วยความที่ภาคแรกประสบความสำเร็จ ภาคต่อเลยถูกสร้างตามออกมาอย่างรวดเร็วครับ และหนนี้ก็มีการเพิ่มจำนวนตอนจากที่ภาคแรกมีแค่ 20 ตอน มาภาคนี้เพิ่มอีกเท่าตัวเป็น 40 ตอนจบครับ
ตัวเอกยังคงยกทีมกันมาครับ ไม่ว่าจะจางต้าหย่ง (เถาต้าอี้, Michael Tao) ตัวเอกของเรื่อง และคู่หูคนสนิท หลี่จงอี้ (เหลียงหยงจง, Joey Leung) พร้อมด้วยนักข่าวหัวเห็ดสาว เกาเจี๊ยะ (กัวเข่ออิง, Kenix Kwok) แนวหนังก็มาเหมือนเดิมคือมีคดีมาให้เหล่าตัวเอกต้องไข แต่ละคดีก็มีความซับซ้อนพอประมาณ มีการวางปมให้ตาม มีการสับขาหลอก บางคดีก็มีการหักมุม
ถ้าว่ากันถึงความสนุกแล้วถือว่าพัฒนาขึ้นจากภาคแรกครับ การเล่าเรื่องมีชั้นเชิงมากขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือสนุกขึ้นนั่นเองล่ะครับ นอกจากสนุกในเรื่องการไขคดีแล้ว เรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครก็ยังทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานหนังจีนชุด TVB ที่เหล่าตัวเอกก็จะต้องมีปมชีวิต หรือไม่ก็ปมความรักคอยสลับฉาก โดยรวมถือว่ากลมกล่อมกำลังดีทีเดียว
นอกจากดาราชุดเก่าแล้วก็ยังมีหน้าใหม่มาแจมอย่าง กัวอ้ายหมิง (Amy Kwok) และ เจิ้งซิ่วเหวิน (Sammi Cheng) แต่ละรายก็มาเสริมเรื่องได้ดีครับ โดยเฉพาะกัวอ้ายหมิงนี่ถือเป็นตัวละครสำคัญที่มีผลต่อเนื้อเรื่องมากพอตัวทีเดียว
ก็ต้องบอกก่อนน่ะนะครับว่าซีรี่ส์ชุดนี้ก็เก่าอยู่พอสมควร อายุจะ 30 ปีอยู่แล้ว ดังนั้นในแง่เทคนิคการเล่าเรื่องและการเดินเรื่องมันอาจไม่ได้ฉับไวเท่าซีรี่ส์ยุคใหม่ๆ แต่ถ้าหากมองย้อนไปแล้วซีรี่ส์นี้ถือเป็นความสนุกแห่งยุคสมัยนั้นเลยล่ะครับ คนยุคนั้นดูในเวลานั้นก็รู้สึกว่ามันยอดมากแล้วสำหรับตอนนั้น แต่หากเอามาดูตอนนี้และท่านผ่านซีรี่ส์แนวสืบสวนสมัยใหม่มาเยอะแล้ว ก็อาจรู้สึกว่าซีรี่ส์มันดูเชยหรือดูเซื่องไปบ้างในบางจุด – อันนี้ก็อาจจะมีกันบ้างครับ
เอาเป็นว่าอยากให้ลองดูสำหรับคอซีรี่ส์แนวสืบสวนครับ ดูสัก 4 – 5 ตอน หากไม่โดนก็ค่อยเลิกดู แต่ไม่อยากให้มองข้ามครับ เพราะอย่างที่เคยบอกตอนเขียนถึงภาคแรกว่า ซีรี่ส์ชุดนี้ถือเป็นหนังจีนชุดแนวสืบสวนที่ทำออกมาได้สุดๆ แล้วสำหรับตอนนั้น แม้มาดูในยุคใหม่แล้วมันอาจจะดูเชยบ้าง แต่ในแง่คุณภาพแล้วมันก็ไม่ได้ไก่กาครับ
ส่วนผมนั้นดูแบบกึ่งๆ รำลึกความหลังครับ ดูเพื่อเสพบรรยากาศหนังจีนชุดเมื่อวันวานที่เคยดูมา แล้วไหนจะทีมพากย์ดั้งเดิมอีก มันเป็นอะไรที่ทำให้นึกถึงวันเก่าๆ นับเป็นความสุขอย่างหนึ่งครับ
สองดาวครึ่งครับ

(7/10)










