
หลังจากภาคเฮ้งเต่งเอี๊ยง TVB ก็ได้ทำตอนพิเศษ Prequel หนังชุดมังกรหยกออกมาอีกครับ คราวนี้จับเอาเรื่องวัยหนุ่มของ 2 ยอดฝีมือแห่งแผ่นดิน นั่นคือ ยาจกอุดรอั้งชิดกง (เว่ยจุ้นเจี๋ย) และเทพทักษิณต้วนตี่เฮง (เจิ้งอี้เจียน) มาผูกเป็นเรื่องราว ตั้งแต่จุดเริ่มของพวกเขาสมัยยังมีวรยุทธ์เพียงธรรมดา ก่อนจะค่อยๆ พานพบเรื่องราวมากมาย ทั้งมิตรภาพ ความรัก ความแค้น ความสูญเสีย
ภาคนี้ถือว่าสนุกครับ น่าติดตาม ดูเพลินโดยส่วนตัวแล้วออกจะชอบมากกว่าตอนเฮ้งเต่งเอี๊ยง เพราะเรื่องราวมีอะไรซับซ้อนมากกว่า ตัวละครก็หลากหลายกว่า แม้งานด้านภาพจะไม่ดูสวยเท่าภาคเฮ้งเต่งเอี๊ยง แต่โดยรวมๆ หนังทำออกมาได้อร่อยหลากรสกว่า และคิวบู๊ก็ออกจะมันส์กว่าด้วย (แต่สวยน้อยกว่าภาคเต่งเอี๊ยงนิดหนึ่ง)
ที่ชอบเป็นพิเศษก็คือบทหนังมีการสอดแทรก “ตำนานเรื่องเล่า” ทั้งหลายที่เราเคยได้ยินจากเรื่องมังกรหยกมาถ่ายทอดให้เห็นภาพ ไม่ว่าจะเหตุการณ์ตัดนิ้วตัวเองของอั้งชิดกง อันเนื่องมาจากความเห็นแก่กินจนเสียงานใหญ่, ศึกภายในของพรรคกระยาจกระหว่างพวกเสื้อขาดและเสื้อสะอาด, การตามหาตำราพิชัยสงครามของงักฮุย, การแลกเปลี่ยนวิชาระหว่างเฮ้งเต่งเอี๊ยงและอ๋องต้วน, ความสัมพันธ์ระหว่างจิวแปะทงกับเอ็งโกว ที่ก่อให้เกิดเรื่องบาดหมางใหญ่หลวงระหว่างจิวแปะทงและอ๋องต้วน และที่ลืมไม่ได้ก็คือความอำมหิตจอมวางแผนของคิ้วโชยยิ่ม เจ้าสำนักฝ่ามือเหล็กลอยน้ำ ที่จะว่าไปเรื่องมันวุ่นวายมากมายก็เพราะหมอนี่นี่แหละ
นักแสดงโอเคเลยครับ เว่ยจุ้นเจี๋ยและเจิ้งอี้เจี้ยนแสดงกันได้ดี แม้อาจจะไม่ถึงกับเป็นตัวเลือกที่ใช่ที่สุดแต่ก็นับว่าน่าพอใจครับ และที่ดีใจมากๆ คือได้เห็น หลีเย่าเสียง มาสวมบทจิวแปะทง ซึ่งบทนี้ต้องเขาเท่านั้นจริงๆ นั่นแหละครับ ฮา บ้า ต๊อง เฒ่าทารกแบบถึงเส้นเลือดจริงๆ
ลองนั่งนึกๆ ว่าทำไมผมถึงสนุกกับภาคนี้มากกว่าภาคเฮ้งเต่งเอี๊ยง ก็อาจเพราะเรื่องในภาคนี้มันมีอะไรต่อมิอะไรเยอะครับ มีความซับซ้อน มีตัวละครมากมายทำให้มีหลากสีสัน หลายรสชาติ มีผลกระทบถึงกันระดับแผ่นดิน ระดับยุทธภพ ในขณะที่ภาคเต่งเอี๊ยงเรื่องจะค่อนข้างจำกัดวงกว่า

ภาคนี้ยังมีข้อคิดสอดแทรกหลายอันครับ ผมชอบตอนที่เอ็งโกวรู้ว่าตนตั้งครรภ์แล้วก็สับสน กระทั่งเจ้าอาวาสแห่งต้าหลี่ได้เทศน์ชี้ทางธรรม ว่ายามนี้มิใช่ยามที่นางควรสับสน แต่เป็นยามที่นางควรเข้มเข็ง ตอนนี้นางรู้แล้วว่าโลกนี้มีหลายสิ่งไม่เป็นไปดั่งใจ มีภัยร้ายเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด เช่นนั้นแล้วหน้าที่ของนางคือต้องเข้มแข็งเป็นต้นแบบให้ลูกน้อย เตรียมตัวเตรียมใจสอนเขาให้สามารถยืนหยัดเผชิญโลกได้ นั่นต่างหากจึงเป็นสิ่งสำคัญ
หรือคำสอนจากพระบิดาก่อนต้วนตี่เฮงจะเป็นกษัตริย์ ที่กล่าวว่า “เราปกครองไพร่ฟ้า แต่ไพร่ฟ้าต้องอยู่เหนือเรา” เป็นคำสอนที่สั้น กระชับ และบอกทุกสิ่งอันเป็นหัวใจของนักปกครองได้จริงๆ ครับ
และยังมีคำกล่าวของอั้งชิดกงที่บอกต่อฮ่องเต้ซ่งซึ่งกำลังอ่อนแอและยอมเมืองกิมก๊กราวกับทาส โดยฮ่องเต้เอาแต่ตามหาคัมภีร์งักฮุยด้วยความหวังว่าคัมภีร์นั้นจะมาช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง อั้งชิดกงเลยบอกไปกว่า “บ้านเมืองจะดีหรือไม่ขึ้นกับฮ่องเต้ ไม่ได้ขึ้นกับคัมภีร์ใดๆ เช่นนั้นอย่าทรงมัวตามหาคัมภีร์อะไรอีก แต่ทรงงานเฉกฮ่องเต้ที่ดีก็เพียงพอ” อ้อ แล้วจากเหตุการณ์เหล่านี้ก็สอดคล้องกับพฤติกรรมการชอบ “ดอดเข้าวังไปซัดอาหารฮ่องเต้” ของอั้งชิดกงอย่างพอเหมาะทีเดียว
ในด้านมิติตัวละครก็ถือว่าน่าพอใจนะครับ อย่างอ๋องต้วนก็ดูหยิ่งทระนง แข็งกร้าวยอมหักไม่ยอมงอ เด็ดขาดจนบางคราดูเหมือนจะไร้จิตใจ ซึ่งบุคลิกทั้งหลายนี้นำมาทั้งความสำเร็จในเชิงยุทธ์และการเป็นกษัตริย์ แต่ก็นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมอันแสนสลดด้วย (โดยเฉพาะเรื่องของเอ็งโกวและลูกน้อยของนาง)
ส่วนอั้งชิดกงก็ดูบ้ากินและรักอิสระแบบสุดๆ ครับ ที่สำคัญคือเป็นคนรักเพื่อนพ้อง ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา (จนบางครั้งก็โดนหลอกแล้วหลอกเล่า) ใครมีคุณต้องทดแทน ใครมีแค้นก็ต้องเจอกันหน่อย อะไรเหล่านี้ถือว่าสอดคล้องกับเหตุการณ์ในช่วงต่อมาของชีวิตพวกเขามากๆ ครับ ดูแล้วเชื่อว่าจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแล้ว มันทำให้ต้วนตี่เฮงเหนื่อยหน่ายและบอบช้ำจากทางโลก จนตัดสินใจกลายเป็นอิคเต็งไตซือ ส่วนอั้งชิดกงก็กลายเป็นคนโผงผาง พูดอะไรก็พูด ทำอะไรก็ทำ ด่าเป็นด่า ชอบเป็นชอบ และที่ขาดไม่ได้คือจุดยืนประจำตัวที่ว่า “นารีไม่ยุ่ง มุ่งแต่ของกิน” 5555
สรุปว่าดูสนุกสำหรับภาคก่อนหน้าของมังกรหยกครับ
สองดาวครึ่งกว่าๆ ครับ

(7.5/10)










