
ก่อนจะกล่าวอะไร ขอคารวะพี่กริสซั่มหนึ่งทีก่อนครับ เทพจริงๆ คนอะไรก็ไม่รู้
ผมคงไม่ต้องเท้าความอะไรมากนะครับสำหรับเนื้อเรื่อง คร่าวๆ เลยก็คือเหล่า CSI คือทีมเจ้าหน้าที่นิติเวชที่ทำการสืบสวนคดีจากหลักฐานต่างๆ ที่หล่นอยู่ตามที่เกิดเหตุ และหลายครั้งทีเดียวครับที่หลักฐานมันไม่ได้หล่นอยู่หรอก แต่พวกพี่แกก็มีความสามารถในการสังเกต หยิบจับเอาสิ่งต่างๆ มาใช้เป็นเครื่องมือในการสืบสวนคดีต่างๆ
ความสนุกของซีรี่ส์นี้อยู่ตรงการตามสืบคดีนั่นแหละครับ เราก็คอยลุ้นคอยดูไปว่าพวกเขาจะไปเจออะไรบ้าง ตามสืบไปว่าใครคือฆาตกร ซึ่งหนังทำออกมาได้อย่างเร้าใจและน่าติดตามอย่างยิ่ง
สำหรับปีนี้นั้น ถือว่าลงตัวกว่าปี 2 ในความคิดผมปีแรกน่ะเด็ดสุดแล้วครับ ลงตัวหมด ลื่นไหลหมด แต่พอมาปีสองมันจะเริ่มมีพล็อตเกี่ยวกับชีวิตมาเพิ่มความลึกในกับตัวละคร แต่ในปีสองมันยังไม่เนียนเท่าที่ควร ทำให้จังหวะของซีรี่ส์ยืดไปในบางตอน แต่พอมาปีนี้ หนังก็ยังคงจับประเด็นพล็อตรองที่เกี่ยวกับชีวิตของพวก CSI อยู่ครับ แต่มันนำเสนอได้ลื่นขึ้น มีอัตราส่วนที่พอเหมาะระหว่างการไขคดีและการวางปมปูพื้นชีวิตของเหล่าเจ้าหน้าที่ CSI
ปีนี้ พี่กิล กริสซั่มของผม (William Petersen) ก็ยังเท่ห์ไม่เลิก เพียงแต่จะนิ่งขึ้น เหนือโลกขึ้น และทีมงานก็ถือว่าฉลาดที่พยายามใส่ “จุดอ่อนบางประการ” ของพี่กริสซั่มลงไปเพื่อเติมความลุ้น ซึ่งตอนที่มีคนพยายามเล่นงานพี่กริสซั่มด้วยจุดอ่อนนี้เป็นอีกตอนที่ทำได้ลุ้นและสนุกมากครับ เพราะเราก็อยากรู้ว่าพี่เขาจะแก้เกมยังไง (และเราก็คงเดาได้นะครับ ว่าพี่แกมีไพ่ไม้ตายตอกฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้ว)
อย่างนี้ต้องอีกสามคารวะครับ พี่กริสซั่มนี่เทพเกินคนจริงๆ 555

นอกจากตัวเอกแล้วเหล่าลูกทีมก็ยังโดดเด่นไม่แพ้กัน Gary Dourdan ในบท วอร์ริค บราวน์ เจ้าหน้าที่ผิวดำอารมณ์ร้อนที่เริ่มคุมตัวเองได้ดีขึ้น, George Eads ในบท นิค สโต๊ค เจ้าหน้าที่รูปหล่อล่ำที่สั่งสมประสบการณ์เพื่อจะได้ก้าวไปสู่ความเป็นมือโปร และ Jorja Fox ในบท ซารา ไซเดิล เจ้าหน้าที่สาวจอมห้าว ที่ปีนี้จะมีปมเกี่ยวกับชีวิตเธอมากหน่อย สามรายนี้ถือว่าอยู่ตัวแล้วครับ เล่นได้ลื่นมากๆ ยิ่งเจ๊ซาร่านี่มีอะไรให้ฮาพอควร (อย่างตอนที่แกหลุดคำว่า “ที่รัก” กับแฟนกลางที่ทำงาน แล้วก็หันไปอมยิ้ม ผมล่ะนั่งก๊ากเลยครับ ไม่น่าเชื่อว่าเจ๊แกจะมีอารมณ์น่ารักๆ แบบนี้)
Paul Guilfoyle ในบทผู้กองจิม แบรส ตำรวจที่คอยประกบกับทีม CSI, Robert David Hall ในบทคุณหมอชันสูตรพิการ อัล ร็อบบินส์ ก็ยังเพิ่มสีสันได้ดีครับ แต่รายที่ขยันขโมยซีนชาวบ้านก็หนีไม่พ้นพี่ Eric Szmanda ในบทเกร็ก แซนเดอร์ เอาแค่ตอนพี่แกเล่นมุขแล้วพี่กริสซั่มจ้องหน้าตอบด้วยอารมณ์แบบ “ไม่มีเวลาขำนะเกร็ก” นี่ก็ฮาแตกแล้วล่ะครับ รวมไปถึงพี่ Archie Kao ในบท อาชี่ จอห์นสัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายซาวน์แยกพิสูจน์เสียงก็ยังทำหน้าที่ขโมยซีนได้ดีตามเคยครับ แต่พี่แกจะดูเป็นหลักเป็นการมากหน่อย ไม่เหมือนพี่เกร็กที่แกจะบ้าเป็นหลัก
ถึงตรงนี้หลายท่านคงนึกว่าผมพูดข้ามไป แต่เปล่าครับ ผมไม่ลืมเจ๊แคเธอรีน (Marg Helgenberger) เจ้าหน้าที่สาวคนเก่งหรอกครับ แต่ที่ยกมาพูดทีหลังก็เพราะ เจ๊แกไม่รู้ไปทำอะไรมา ยิ่งมากปียิ่งสาวขึ้น จริงๆ นะครับ ตอนปีแรกแม้เจ๊แกจะดูดีแต่ก็ดูมีอายุพอสมควร มาปีสองก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่พอเริ่มปีสามนี่ดูไฉไลขึ้นสารภาพว่าดูแล้วงง ตกลงเจ๊แกทำงานเห็นศพมากๆ แล้วสวยขึ้นหรือนี่ (สถาบันเสริมความงามควรทำการศึกษากรณีของเจ๊แกด่วนนะครับ 55555) แต่ปีนี้ยังถือว่าสวยแบบเบาะๆ ครับ เพราะปี 4 น่ะ ไฉไลหนักขึ้นไปอีก
แล้วปีนี้เจ๊แคทเธอรีนก็มีอะไรเป็นปมอยู่ไม่น้อยครับ ทำให้เรื่องราวเข้มข้นอีกไม่น้อยเหมือนกัน
และปีนี้นะครับ หนังถือว่าแรงขึ้น หมายถึงฉากแหวะๆ น่ะครับ ออกมาแรงมาก ไส้เส้ยกองทะลักล้นจอ มีตอนหนึ่งพี่กริสซั่มสั่งให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรคนหนึ่งเก็บไส้ที่กองบนพื้นเข้าถุงไปเป็นหลักฐานให้หมด โอย นึกแล้วยังอดปั้นหน้าไม่ถูกเลยครับถ้าเป็นเราล่ะก็
สรุปนะครับ ปีสามนี้น่าพอใจเลยล่ะ ลงตัวขึ้น สนุกขึ้นกว่าปีก่อน แต่ก็หม่นมืดมากขึ้นด้วย ก็คงไม่ผิดหวังล่ะครับสำหรับปีสามของ CSI ออกมาดีขนาดนี้ไม่ตามดูก็ไม่ได้แล้วล่ะครับ
สามดาวตามเคยครับ

(8/10)










