มุมมองของผมต่อการไปเที่ยวป่าอย่างแอฟริกานั้นง่ายมากครับ คือแถบนั้นเป็นถิ่นของพี่สิงโตและนักล่าอีกหลายสายพันธุ์ใช่ไหมครับ งั้นผมจะไม่ยุ่งครับ พี่อยู่ของพี่ ผมอยู่ของผม ง่ายๆ แบบนี้แล้วกัน สบายใจดี 555

นี่คืออีกหนึ่งหนังสัตว์โลกน่ารักที่ผมพร้อมจะตามดูเสมอที่มีคนสร้างครับ จะเกรดเอเกรดบีก็ว่ากันไป จะตัวอะไรก็ว่ามา พร้อมดูเสมอ และสำหรับ Beast นี่ก็ถือว่าใช้ได้ครับ ดูแล้วระทึกใจ ตื่นเต้นในระดับที่น่าพอใจสำหรับหนังแนวนี้ ส่วนความยาวก็กำลังดีครับ แค่ชั่วโมงครึ่ง ถือเป็นปริมาณในการดูที่อิ่มพอดีคำ ไม่มากไปไม่น้อยไป

เรื่องของเรื่องก็คือคุณหมอเนท (Idris Elba) พาลูกสาวสองคน (Leah Jeffries, Iyana Halley) ไปท่องป่าแอฟริกา โดยมีเพื่อนอย่างมาร์ติน (Sharlto Copley) ที่อาศัยอยู่ที่นั่นคอยทำหน้าที่ต้อนรับและพาทัวร์ ตอนแรกอะไรๆ ก็ทำท่าจะสนุกดีล่ะครับ จนกระทั่งพวกเขาไปเจอร่องรอยความโหดร้ายของสิงโตตัวหนึ่งเข้า แล้วมันก็ตั้งหน้าตั้งตาตามล่าพวกเขาอย่างไม่ลดละ

ก็สนุกดีนะครับ แต่ก่อนดูนี่ควรตรวจสอบตัวเองก่อนเลยว่าพร้อมจะดูหนังเครียดๆ หรือเปล่า เพราะหนังมันตื่นเต้นและพาเครียดตลอดเรื่องครับ สิงโตในเรื่องนี่ก็โหดและร้ายกาจมากจริงๆ เวลามันบุกมาแต่ละทีก็ตื่นเต้นใจหายใจคว่ำกันไป แม้แต่ช่วงผ่อนก็เถอะครับ ใจมันก็ยังอดเสียวไม่ได้ว่าสิงโตมันจะโผล่มาตอนไหน ดังนั้นใครอยากคลายเครียดนี่ผมว่าเรื่องนี้คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีครับ เพราะดูแล้วมันจะพาเครียดจิกเบาะเสียมากกว่า

แต่ถ้าใครชอบหนังสัตว์โลกน่ารักล่ะก็ ผมว่าเรื่องนี้ใช้ได้เลยครับ โอเค อาจต้องมีการทำใจบ้างนิดหน่อยสำหรับการตัดสินใจที่อาจจะไม่เข้าท่านักของตัวละครในบางวาระ พวกการตัดสินใจแบบไม่ฉลาดและจะพาไปตายน่ะนะครับ มันก็พอมีบ้างแหละ แต่อันนี้ก็ทำใจรับไว้แล้วล่ะครับ หนังแนวนี้ส่วนใหญ่ก็ต้องมีแบบนี้บ้างเพื่อให้เรื่องมันเข้มข้น เพื่อให้สถานการณ์มันกดดันยิ่งขึ้น – แต่ก็ยอมรับครับว่าระหว่างดูและพอเจออะไรแบบนี้ก็มีหงุดหงิดนิดหน่อยเหมือนกัน หลายรอบเลยล่ะที่ผมอุทานออกปากเลยว่า “จะทำยังงั้นทำม้ายยยย”

ดาราที่มาเล่นนี่ก็ถือว่าเลือกมาเหมาะครับ Elba ดูเหมาะกับบทตัวเอกที่ดูแล้วเชื่อว่าเขาพอจะเอาตัวรอดจากคมเขี้ยวของสิงโตได้ ส่วนลูกๆ ก็ถือว่าโอเคเช่นกันครับ ผมชอบที่หนังเขียนให้พวกลูกๆ มีทั้งการเลือกทำในสิ่งที่ถูกและทำในสิ่งที่ไม่ควร เพราะปกติหนังแนวนี้มักเขียนให้เด็กก่อเรื่องเป็นส่วนใหญ่ แต่กับเรื่องนี้ถือว่าพอมีบ้างครับ การตัดสินใจที่ก่อเรื่องน่ะ แต่ขณะเดียวกันพวกเธอก็มีการตัดสินใจที่ฉลาดๆ ด้วยเหมือนกัน มันเลยพอจะสมดุล ไม่ทำให้บทลูกๆ ดูน่ารำคาญจนเกินไป ส่วน Copley ก็เหมาะเช่นกันกับบทคนลุยๆ แบบนี้

หนังกำกับโดย Baltasar Kormákur ที่มีผลงานผ่านตาเราไปอย่างเรื่อง Contraband, 2 Guns, Everest แล้วก็ Adrift ซึ่งถ้าให้เทียบกับทำเนียบงานเก่าๆ ของเขาแล้ว Beast เรื่องนี้ความสนุกอาจไม่เท่าผลงานเก่าก่อนครับ แต่ถ้ามองเทียบกับหนังแนวสัตว์โลกน่ารักด้วยกันแล้ว ผมว่าเรื่องนี้ก็น่าพอใจอยู่ครับ อย่างน้อยการเดินเรื่องเล่าเรื่องก็ถือว่าไม่น่าเบื่อ อย่างตอนต้นๆ อันเป็นช่วงปูพื้นตัวละครเนี่ย ส่วนมากมักถูกเล่าแบบอืดๆ เรื่อยๆ ชวนเบื่อนิดๆ แต่กับเรื่องนี้ถือว่าเล่าได้พอเหมาะ ทำให้รู้จักภูมิหลังตัวละคร รวมถึงทำให้เห็นภาพของสถานการณ์ในแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะเรื่องการล่าสัตว์ผิดกฎหมาย

อย่างหนึ่งที่ผมชอบในหนังคือ การที่สิงโตตัวนี้ออกอาละวาดอย่างโหดเหี้ยมนั้น มันก็มีสาเหตุอยู่ครับ มันก็เนื่องมาจากการล่าสัตว์ของพวกนักล่าเถื่อนที่เหมือนจะล้ำเส้นมากจนทำให้สิงโตโหดขึ้น อันตรายขึ้น และหเนมนุาย์เป็นศัตรูมากขึ้น มันดูมีที่มาที่ไป ไม่ใช่จู่ๆ มันจะคลั่งขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ – ก็ชวนให้คิดเหมือนกันนะครับ เพราะจะว่าไปโลกเราทุกวันนี้ หลายเรื่องที่มันแย่ๆ ที่เกิดขึ้นนั้น มันก็คือผลจากการที่มนุษย์กระทำต่อธรรมชาตินั่นแหละ

พอลองมานึกย้อนดู จริงๆ หนังแนวสัตว์โลกน่ารักหรือธรรมชาติลงโทษนี่ก็เล่นกับประเด็นนี้มานานแล้วเหมือนกันนะครับ เหมือนเป็นการบอกกล่าวเล่าเตือนมนุษยชาติ (ไม่ว่าบอกโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม)… ไม่รู้ว่าป่านนี้ มันเลยจุดที่พอจะแก้ไขได้ไปหรือยัง – ผมว่าคำถามนี้ชวนให้เครียดมากกว่าหนังอีกแฮะ…

ตัวหนังถือว่าทำเงินไปกลางๆ ครับ ลงทุนราว $36 ล้าน ได้คืนมาราว $59 ล้าน ว่าตามจริงก็คือยังติดตัวแดงอยู่หน่อยๆ แต่เชื่อว่าป่านนี้น่าจะได้คืนทุนจากการลงสตรีมต่างๆ แล้วล่ะ

เอาเป็นว่าดูได้เพลินๆ แบบเครียดๆ ครับ

สองดาวครับ

(6/10)