
ดูหนังรอมคอมของ Netflix มาก็มาก แต่ดูเหมือนจะยังไม่มีเรื่องไหนชนะใจผมได้แบบเต็มๆ สักทีครับ หลายเรื่องเลยที่บรรยากาศดี แต่ตัวหนังยังไม่กลมกล่อมแบบเต็มๆ หรือยังดีได้อีกอะไรประมาณนั้น
ดังนั้นตอนดู Wedding Season นี่ ผมค่อนข้างจะเซอร์ไพรส์ไม่น้อยที่มันโดนใจผมซะขนาดนั้น จนยกให้เป็นหนังรอมคอมของ Netflix ที่ผมชอบมากๆ เรื่องหนึ่งเลยล่ะ
ตัวละครหลักในเรื่องเป็นชาวอินเดียที่อยู่ในอเมริกาครับ ประมาณว่าอาช่า (Pallavi Sharda) ทำแต่งานและอยู่เป็นโสดจนแม่ของเธอ (Veena Sood) อดรนทนไม่ได้ พยายามอัพโปรไฟล์ของอาช่าขึ้นโซเชียลเพื่อที่จะหาแฟนให้ แน่นอนว่าอาช่าไม่ยินดีครับ แต่ยังไงๆ แม่ของเธอก็ไม่ยอมจนเธอต้องตัดสินใจคบหลอกๆ กับรวี (Suraj Sharma) หนุ่มที่แม่พยายามจับคู่ให้เพื่อหนีให้พ้นจากการถูกจับจ้องเรื่องแฟน – แต่ก็ตามนั้นครับ คบหลอกๆ ทีไรลงเอยกันทุกทีไปซิเอ้า
พล็อตเดิมๆ ครับ สูตรก็เดิมๆ ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ หรือบางคนอาจมองว่าแปลกหน่อยที่หนังอเมริกันแต่จับชาวอินเดียมารับบทนำ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็เถอะ สำหรับผมหนังสนุกเกินคาดครับ ความดีความชอบอย่างแรกเลยต้องยกให้ดาราแต่ละคนที่แสดงกันได้ดีมากๆ แน่นอนว่าพระ-นางคือคู่เอกครับ และพวกเขาเคมีเข้ากันสุดๆ คืออาจจะไม่ได้ดูเข้ากันได้ในทันทีนะครับ แต่พอดูๆ ไปแล้วมันจะรู้สึกได้น่ะว่าพวกเขาค่อยๆ ผูกพันกัน ดูเหมาะสมกัน บทสนทนาก็ไหลลื่นไปกันได้ จนผมเชื่อว่าหลายคนต้องแอบลุ้นให้พวกเขาลงเอยกัน – แม้จะเดาได้ว่าต้องลงเอยกันอยู่แล้วก็เถอะ แต่โดยส่วนตัวผมมองว่าหนังที่ทำให้เราลุ้นได้ทั้งที่จริงๆ ไม่ต้องลุ้นเนี่ย มันต้องถึงรสในระดับหนึ่ง
สารภาพว่าตอนต้นๆ ผมแอบจะหงุดหงิดนิดๆ กับความจุ้นของพ่อๆ แม่ๆ ของพระนางน่ะนะครับ แต่ดีที่หนังมีลิมิตไม่เล่นเรื่องนี้ให้มันเยอะเกินไป คือจะมีดูจุ้นจ้านแค่ช่วงแรกๆ น่ะครับ แต่พอถึงตอนกลางๆ หนังจะเทน้ำหนักมาทีพระนาง (ที่เคมีเข้ากันมากขึ้นเรื่อยๆ) และจุดที่ผมชอบคือพอถึงช่วงหลัง เหล่าคุณพ่อคุณแม่ที่ดูจุ้นจ้านในตอนแรก จะค่อยๆ เผยความน่ารักออกมา ค่อยๆ เผยความรู้สึกรักลูกออกมาจนเราพร้อมจะให้อภัยในสารพัดความจุ้นจ้านที่เจอในตอนต้น – ว่าง่ายๆ คือหนังสามารถแก้ความวุ่นวายชวนหงุดหงิดในตอนต้นให้กลายเป็นความอบอุ่นกินใจได้ในตอนท้ายน่ะครับ
จุดอ่อนหนึ่งของหนังรอมคอมหลายเรื่องคือ ตัวหนังจะเน้นที่พระนางอย่างเดียว ในขณะที่ตัวละครแวดล้อมกลายเป็นเพียงไม้ประดับ ทั้งๆ ที่ตัวละครแวดล้อมเหล่านี้หากชงดีๆ พวกเขาจะกลายเป็นตัวเสริมรสชาติชั้นยอด ทำให้หนังสนุกสนานเพลินเพลินยิ่งขึ้น – หนังส่วนใหญ่จะทำไม่ได้ แต่หนังเรื่องนี้ทำได้ครับ ช่วงท้ายนี่ทั้งพ่อ (Rizwan Manji) ทั้งแม่ และน้องของอาช่า (Arianna Afsar) ต่างก็มีโมเมนต์ของตัวเอง พวกเขาบอกเล่าแบ่งปันสิ่งที่ตัวเองคิดตามประสาคนในครอบครัว บางคนก็ทำให้อาช่าคิดบางอย่างได้และใช้มันแก้ปมตัวเอง หรือบางคนก็เปิดโอกาสให้อาช่าได้ช่วยเหลือปลอบใจ (ช่วยแก้ปมให้คนอื่น) อะไรเหล่านี้เป็นฉากที่มีความหมายครับ และมันสื่อถึงคำว่า “ครอบครัว” ได้อย่างน่ารักทีเดียว

ถ้าถามว่าชอบตัวละครไหนที่สุด นอกจากพระนางแล้ว ผมชอบคุณพ่อวีเจครับ เขาดูเป็นคุณพ่อที่น่ารัก สุขุม มีสติ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกๆ ได้ และที่สำคัญคือเขามักจะคิดใคร่ครวญก่อนพูดเสมอ ทำให้แต่ละคำที่ออกจากปากเขา แม้บางคำจะดูง่ายๆ แต่ก็เปี่ยมความหมายและเต็มไปด้วยความปรารถนาดี
และไม่เพียงแต่ครอบครัวของพระนางเท่านั้นนะครับที่มีบทบาท ขนาดเจมส์ (Damian Thompson) เจ้านายของอาช่า ที่ปกติถ้าเป็นหนังทั่วไปนี่หน้าที่พี่แกมีแค่ตบมุกหรือไม่ก็ทำให้เกิดเรื่องยุ่งเท่านั้น แต่กับเรื่องนี้ ตัวละครนี้มีความน่ารักครับ เป็นหัวหน้าที่ดี คอยแนะนำแนะแนวและกระตุ้นลูกน้องอยู่ตลอด ฉากที่เขาเดินไปคุยกับอาช่าที่ม้านั่งในส่วนนั้นเป็นอะไรที่น่ารักมากๆ โดยเฉพาะรอยยิ้มของเจมส์นี่ จริงใจโคตรๆ เลย
ดาราดีครับ คาแรคเตอร์ตัวละครก็ดี และบทก็ดีด้วย ไม่ว่าจะบทสนทนาหรือเหตุการณ์ทั้งหลาย มันมีประเด็นของมัน แต่ละฉากที่หนังร้อยเรียงเข้าด้วยกันนั้น ทุกฉากมันจะบ่งบอกอะไรบางอย่างเสมอ เช่น บอกความคิดของพระเอกนางเอก, สะท้อนความคิดแบบคนตะวันตก, ถ่ายทอดสาระความหมายดีๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจ (อย่างตอนที่อาช่าบรรยายสรุปงานให้คนสิงคโปร์ฟังในรอบ 2 เป็นต้น) หรือไม่เหตุการณ์นั้นๆ ก็จะมีผลให้เกิดเหตุการณ์ต่อไป – ว่าง่ายๆ คือหนังโฟกัสเรื่องที่ตัวเองอยากเล่าได้ดีครับ ไม่หลงประเด็น ไม่ถ่วงเวลา ไม่ออกทะเล
แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้เน้นวิวสวยๆ แต่หนังมีองค์ประกอบของภาพที่พอเหมาะครับ อย่างฉากที่อาช่าคุยกับเจมส์ในสวนนั่น บรรยากาศอาจดูเหมือนสวนสาธารณะแบบทั่วๆ ไป แต่กล้องก็สามารถจับภาพใส่จอลงมาได้แบบพอเหมาะพอดีและได้อารมณ์ มันคือความงดงามในความธรรมดาแบบที่ท่านสามารถพบเห็นได้แถวบ้านหรือตามสวน (หรือที่ใดก็ตามที่มีต้นไม้) น่ะครับ – แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านจะมองเห็นมันด้วยไหมน่ะนะครับ
ของพอเหมาะอีกอย่างต้องยกให้ดนตรีของ Jongnic Bontemps และ Raashi Kulkarni ครับ บางช่วงท่วงทำนองก็โอบกอดความรู้สึกสไตล์หนังรอมคอมอเมริกัน บางช่วงก็ตึ่งตึ้งดั๋งดึ๋งตามสไตล์หนังภารตะ และอีกอย่างที่เด็ดคือ Soundtrack ครับ โดยเฉพาะซีนกลางเรื่องที่มาพร้อมเพลง Tiptoeing ของ Hope Tala นั่น เพลงโคตรเพราะ ความหมายโคตรดี และอารมณ์โคตรเข้าครับ
ผมชอบหนังเรื่องนี้จนออกนอกหน้าไหม? คำตอบคือใช่ครับ และหลังจากดูรอบ 2 ไป ผมก็ยังชอบอยู่ ดังนั้นสรุปได้ตรงนี้เลยว่าสิ่งที่ผมเขียนหาได้มีความเป็นกลางไม่ มันเขียนไปด้วยใจที่ชอบและสนุกกับหนังเรื่องนี้ล้วนๆ ดังนั้นต้องขอให้ใช้วิจารณญาณขณะอ่านด้วยครับ อย่าด่วนเชื่อผมเร็ว อย่าเพิ่งเชื่อผมมาก ท่านดูอาจจะเฉยๆ ก็ได้ – แต่สำหรับผมแล้ว หนังน่ารัก กลมกล่อม มีสิ่งที่ควรมีในหนังรอมคอมครบถ้วน ทั้งพระเอกนางเอกที่เคมีเข้ากัน, ตัวละครแวดล้อมที่ชูรส, การเดินเรื่องลื่นไหลไม่น่าเบื่อ, มีอารมณ์หวานและอารมณ์ขันเจือผสมกัน, มีดนตรีดีๆ และ Soundtrack เวิร์กๆ, มีพ่อแม่ที่ห่วงลูกเกิน แต่สุดท้ายก็พร้อมจะเข้าใจในสิ่งที่ลูกเป็น, อาจไม่มีวิวทิวทัศน์หลักล้าน แต่มีวิวบ้านๆ ที่เราอยากจะไปนั่งผ่อนคลาย ณ ตรงนั้น, ชี้ชวนให้เราใคร่ครวญเกี่ยวกับค่านิยมหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเรื่องความรัก เรื่องครอบครัว เรื่องการศึกษา เรื่องการทำงาน หรือเรื่องการแบ่งปันแบ่งสรรลดความเหลื่อมล้ำบางประการในโลกกลมๆ ใบนี้

หนังกำกับโดย Tom Dey ที่ผมจำชื่อเขาได้แม่นตั้งแต่หนังใหญ่เรื่องแรกของเขา Shanghai Noon (ส่วนหนึ่งเพราะหนังสนุกครับ และเพราะเชื่อแกจำง่ายด้วย) และจนถึงตอนนี้ ผมยกหนังเรื่องนี้ให้เป็นหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของเขาครับ และขอบอกด้วยว่าหนังเรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย Ron Howard และ Brian Grazer รายแรกเป็นผู้กำกับหนังอย่าง Apollo 13, Ransom, A Beautiful Mind, Cinderella Man ส่วนรายหลังก็คือผู้อำนวยการสร้างหนังที่ผมเอ่ยชื่อไปเมื่อกี้นั่นแหละ
อีกสิ่งที่ไม่ชมไม่ได้คืองานพากย์ครับ งานพากย์ไทยเรื่องนี้ดีมากๆ (จริงๆ ของ Netflix ก็ดีเป็นมาตรฐานอยู่แล้วล่ะครับ เพียงแต่ชอบเรื่องนี้เป็นทุนเลยขอชมผสมโรงเข้าไปด้วย)
ผมไม่รับประกันว่าหนังเรื่องนี้จะดีสำหรับท่านไหมนะครับ แต่ผมยืนยันได้เพียงว่าผมชอบค่อนข้างมาก ถือเป็นหนังรอมคอมที่ตอบโจทย์ตรงเผงและได้รสชาติกลิ่นอายแบบหนังรักรอมคอมยุค 90 ดูแล้ว Feel Good ดีครับ
สองดาวครึ่งครับ

(7/10)
หมวดหมู่:Comedy, Movie Reviews, Recommended Movies, Romance, Romance Romance, Romantic Comedy










