
Resort to Love อีกหนึ่งหนังรักของ Netflix ที่ดูได้เรื่อยๆ ดูแล้วสบายใจพอสมควร
หนังว่าด้วยชีวิตที่ไม่ใคร่จะเป็นไปอย่างที่หวังของเอริก้า วิลสัน (Christina Milian) นักร้องสาวที่เพิ่งโดนแฟนทิ้งไปหมาดๆ ครั้นเธอมีโอกาสจะได้แจ้งเกิดในการร่วมร้องเพลงกับนักร้องชื่อดัง ก็ดันมีเหตุให้สวรรค์ล่มอีก เธอเลยตัดสินใจรับงานร้องเพลงที่รีสอร์ทบนเกาะแห่งหนึ่งเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและตั้งหลักชีวิตใหม่
แต่โชคชะตาก็เล่นตลกกับเธออีกครั้ง เพราะแฟนเก่าของเธอดันจะมาจัดงานแต่งกับแฟนใหม่ที่รีสอร์ทแห่งนี้ โดยเอริก้าจะต้องรับหน้าที่เป็นนักร้องงานแต่งให้ด้วย งานนี้เอริก้าเลยรู้สึกเหมือนโดนฉลามพุ่งชนจนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ แต่ก็ยังดีครับที่เธอได้พบกับคาเล็บ (Sinqua Walls) พี่ชายของแฟนเก่าเธอที่รู้เรื่องทุกอย่างและพยายามประคองให้เอริกาผ่านพ้นวันเวลาอันยากลำบากนี้ไป
ยอมรับว่าช่วงต้นๆ ของหนังผมไม่ใคร่จะถูกจริตเท่าไรครับ คือเขาใจน่ะว่าช่วงต้นๆ หนังจะนำเสนอให้เรารับรู้ชีวิตที่เหมือนโดนฟ้ากลั่นแกล้งของเอริก้า ที่ไอ้นั่นก็ไม่ดี อันนี่ก็ไม่ได้ ทำอะไรพลาดตลอด แล้วเพื่อนของเธออย่างแอมเบอร์ (Tymberlee Hill) ก็ยังพูดจาแบบช้งเช้งล้งเล้งพร้อมทั้งกระตุกหัวยิกๆ เป็นแม่ไก่อยู่ตลอด มันเลยรู้สึกขัดหูขัดตายังไงก็ไม่รู้
ครั้นพอเรื่องเดินไปถึงตอนที่เอริกาไปที่เกาะ ผมก็นึกว่าบรรยากาศอาจจะดีขึ้น เพราะเอริก้าได้เจอเพื่อนร่วมงานที่ดูมีสติอย่างบาร์ริงตัน (T.J. Power) ผมก็นึกว่าหนังอาจจะเดินในทิศทางที่ตัวละครดูมีสติขึ้น เอริก้าจะได้ตั้งสติบ้าง แต่ไปๆ มาๆ ดันไม่ใช่ครับ เพราะบาร์ริงตันมีบทน้อยกว่าที่คิด แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือพอเอริก้าเจอแฟนเก่าอย่างเจสัน (Jay Pharoah) ปรากฏว่านายเจสันนี่ก็สติแตกหัวกระตุกไม่แพ้แอมเบอร์เลย พอถึงช่วงที่ว่าผมเลยต้องทำใจอีกหน ซึ่งก็พอเข้าใจอีกเช่นกันว่าหนังตั้งใจจะทำให้มันออกมาตลกขบขัน ให้เราได้รู้ได้เห็นชีวิตวุ่นๆ ของเอริก้าอะไรประมาณนั้น
ช่วงที่ว่านี่ก็ผิดไปจากที่คิดเหมือนกัน เพราะช่วงนี้เอริก้าได้เจอคาเล็บแล้วครับ และเขาคนนี้ก็ดูเป็นชายหนุ่มมาดแมนแสนสุขุมคัมภีรภาพ ไอ้เราก็นึกว่าชายคนนี้จะมีบทบาทเยอะๆ และมาช่วยทำให้เอริก้ามีสติมากขึ้น แต่หนังก็ดูเหมือนจะให้เวลากับช่วงสติแตกและสับสนของเจสันและเอริก้าเป็นหลักมากกว่า – พอหนังมาทรงนี้เลยแอบรู้สึกเสียดายครับ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าหนังคงตั้งใจให้มันออกมาเบาๆ บันเทิงๆ แต่ผมกลับรู้สึกว่าถ้าหนังให้สมดุลระหว่างช่วงเวลาที่วุ่นวายและช่วงเวลาที่มีสติของเอริก้าให้พอเหมาะพอสมกัน หนังอาจดูมีอะไรมากกว่าที่เป็น

ส่วนในตอนท้ายหนังก็ลงตามสูตร เอริก้าคิดได้และแก้สถานการณ์ให้ดี ยอมรับว่าความรู้สึกของผมคือ มันเป็นไปตามบทมากกว่าจะเป็นไปเพราะเอริกาคิดตกคิดได้และมีสติอย่างแท้จริง – ก็อย่างที่บอกน่ะครับ สัดส่วนเหตุการณ์ที่ฟูมฟักสติของเอริก้านั้นดูจะน้อยกว่าเหตุการณ์ที่ชวนเธอสติหลุดอยู่พอตัว คิอจะให้คิดว่าจริงๆ เธอมีสติอยู่แล้ว เธอเลยคิดได้ในนาทีสุดท้าย มันก็มองแบบนั้นได้ครับ เพียงแต่มันน่าเสียดายที่หนังทิ้งโอกาสที่จะทำให้คนดูรู้จักคาเล็บพระเอกของเรื่องมากยิ่งขึ้น – คือผมว่าเราได้หเนเจสันสติแตกมากกว่าได้เห็นคาเล็บสติดีซะอีกนะ
แต่ก็เอาเถอะครับ จริงๆ หนังไม่ได้แย่อะไร แค่ไม่ตรงตามที่ผมคิด ไม่ตรงตามที่หวังเท่านั้น ถ้าสลัดหัวตัวเองสักหน่อย แล้วมองที่หนังโดยภาพรวม (และมองข้ามๆ ช่วงที่ตัวละครสติแตกไป) หนังก็ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ดี อีกทั้งสามารถแลนดิ้งเรื่องราวได้อย่างสวยงาม – ดูแล้วช่วยเตือนสติตนให้ตระหนักถึงการมีสติมากยิ่งขึ้น
และหนังก็บอกเราแบบง่ายๆ ครับ ว่าถ้าเราโดนปัญหารุมล้อม ไม่รู้จะแก้ยังไง ถ้าสู้ไม่ไหวก็ถอยก่อน ไปตั้งหลักสักแห่งสักที่ เมื่อเวลาผ่านไปปัญหาอาจจะลดขนาดลง หรือต่อให้ปัญหาไม่เล็กลง แต่สติของเราก็จะมั่นคงขึ้น พร้อมรับมือกับขวากหนามที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งการถอยตั้งหลักนั้นก็ทำได้หลายหลาก ไม่ว่าจะการไปเที่ยว, การหาเพื่อนคุย (ขอแนะนำเพิ่มเติมว่าเพื่อนที่คุยนั้น ควรเป็นคนที่คุยแล้วสติงอกเงย ไม่ใช่สติแตกหนักกว่าเก่า) หรือบางครั้งก็ดูหนังสักเรื่อง อ่านหนังสือสักเล่ม หรือนอนหลับสักตื่นก็อาจช่วยบรรเทาความทุกข์ร้อนที่มีลงไปได้บ้าง
โดยรวมแล้วผมโอเคกับหนังเรื่องนี้ครับ ถ้าให้นึกย้อนไปผมก็ยังรู้สึกอยู่นั่นแหละว่าหนังยังไม่โดนแบบเต็มๆ แต่พอมานั่งคิดแบบรวมๆ มองแบบภาพรวมไม่ไปจับจ้องเป็นจุดๆ ผมว่าหนังก็เพลินๆ ดี ที่ชอบสุดคงเป็นการสรุปเรื่องที่กำลังดี แลนดิ้งเรื่องได้อย่างแฮ้ปปี้มีรอยยิ้ม และสารพัดวิวสวยๆ ซึ่งหนังไปถ่ายทำกันที่สาธารณรัฐมอริเชียส (Mauritius) ที่ขึ้นชื่อเรื่องทะเลสวยและหาดทรายงดงาม ใครชอบหนังที่มาพร้อมวิวดีๆ นี่ผมเชื่อว่าท่านจะโอเคกับหนังครับ เพราะบรรยากาศมันดีมากๆ และน่าไปเที่ยวจริงๆ
เอาเป็นว่าถ้าใครมีแววว่าจะรู้สึกเหมือนผม ก็อาจต้องปรับใจนิดหน่อยตอนดูช่วงต้นๆ และกลางๆ ครับ ลองหลับตาข้างหนึ่ง มองข้ามอะไรๆ ไปบ้าง ไม่ต้องคิดอะไรมาก แล้วเดี๋ยวพอหนังที่จุดที่ปัญหาคลี่คลาย ความสนุกบันเทิงรื่นเริงและอบอุ่นมันก็จะตามมาเองนั่นแหละ
สองดาวเพลินๆ ครับ

(6/10)
หมวดหมู่:Comedy, Movie Reviews, Romance, Romance Romance, Romantic Comedy










