
Lyle, Lyle, Crocodile ทำให้ผมนึกถึง Stuart Little ครับ ดูแล้วได้อารมณ์ประมาณเดียวกัน นั่นคือเป็นหนังเด็กดูได้ สไตล์เรื่องเบาสมองดูง่าย เน้นย้ำความรักความผูกพันในครอบครัว แล้วก็ได้ความ Feel Good หลังดูจบด้วย
หนังก็ว่าด้วยการผจญภัยในเมืองใหญ่ของจระเข้ที่รักการร้องเพลงนามว่าไลล์ ตอนแรกเขาอยู่กับเฮคเตอร์ (Javier Bardem) นักแสดงที่หวังจะโกยเงินจากการแสดงของไลล์ แต่พอทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่หวังก็ทำให้ไลล์ต้องอยู่ลำพังจนกระทั่งการมาของครอบครัวพริมม์ ที่ไลล์ได้ผูกสัมพันธ์กับจอช (Winslow Fegley), แม่ (Constance Wu) และพ่อ (Scoot McNairy)
หนังดูได้เพลินๆ แบบเสพความสบายใจครับ มีเพลงเพราะๆ ดีๆ ผสมแง่คิดแทรกมาเรื่อยๆ ส่วนแนวทางของหนังก็เดาได้ไม่ยากน่ะครับ นอกจากมีเรื่องดีๆ แล้วก็ต้องมีเรื่องแย่ๆ แทรกลงมาเป็นอุปสรรคให้เหล่าตัวละครหลัก ไม่ว่าจะตัวไลล์เองที่ต้องแอบซ่อนไม่เผยตัว (ไม่งั้นโดนจับ) หรือมิสเตอร์กรัมพ์ส (Brett Gelman) ที่มักจะเขม่นกับเพื่อนบ้านอย่างครอบครัวพริมม์อยู่บ่อยๆ ก็เรียกว่าตามสูตรของหนังแนวนี้น่ะครับ
หนังสอดแทรกแง่คิดผ่านเพลงและสถานการณ์ต่างๆ เช่น การที่ไลล์ทำให้แม่ของจอชก้าวออกจากกรอบเดิมๆ แล้วหันมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับชีวิต หรือพ่อของจอชที่ได้กลับมาย้อนรำลึกถึงความฝันในวันวานของเขา หลังจากที่ลืมมันไปอันเนื่องมาจากอยู่ในโลกของผู้ใหญ่มาก ทำงานมากจนไม่มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัว

อะไรเหล่านี้ถือเป็นแง่คิดง่ายๆ ที่ผมรู้สึกดีเสมอยามได้เจอในหนังครับ แม้บางอันเราจะรู้อยู่แล้ว หรือไม่ก็รู้มาหลายรอบแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้นะครับว่าบางครั้งเราก็อาจจะลืมมันไป ไม่ว่าจะเพราะการใช้ชีวิตหรือสารพันปัญหาต่างๆ ก็ตาม – เรียกว่านานๆ ทีได้จูนคลื่นกลับไประลึกถึงแง่คิดคุ้นเคยที่ทำให้ใจเราฟูมันก็ไม่เลวเหมือนกัน
ถ้าถามว่าชอบการแสดงของใครที่สุด ตอบได้ทันทีเลยว่าชอบ Bardem ครับ แกแสดงได้เด่นมาก สีสันเยอะแยะเต็มไปหมด แล้วผมก็ชอบนะที่บทหนังไม่ทำให้ตัวละครเฮคเตอร์นี้กลายเป็นตัวร้ายหรือไม่ก็ตัวอิจฉา เพียงแต่พี่เขาอาจจะคิดถึงแต่ตัวเองมากไปหน่อยเท่านั้นน่ะครับ แต่ก็ยังไม่เกินขีดล้ำเส้น ทำให้ตัวละครนี้ยังพอจะน่ารักอยู่ ส่วนเหล่าสมาชิกในครอบครัวพริมม์ก็ถือว่าโอเคตามที่บทจะอำนวยครับ
ถ้าจะมีอะไรติดอยู่ในใจก็คงเป็นประเด็นหลักของเรื่องที่หนังพยายามนำเสนอน่ะครับ คือเราๆ ท่านๆ คงพอจะเดาได้นั่นแหละว่าปมร้องเพลงไม่ออกต่อหน้าสาธารณะของไลล์นั้น ถึงจุดหนึ่งมันก็จะถูกแก้ และกะแล้วว่าปมนี้มันจะต้องแก้ด้วยคำว่า “ครอบครัว” ซึ่งผมก็เข้าใจครับ เข้าใจแหละว่าอยากจะบอกอะไร แต่อีกใจก็แอบคิดเหมือนกันว่าถ้าไลล์ยอมร้องเพลงตั้งแต่ต้น ก็อาจจะไม่ต้องเจอวิบากกรรมสารพัดแบบนี้ก็ได้ อีกอย่างคือเฮคเตอร์เองก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร จริงๆ พี่เขาก็น่ารักนะ แค่พยายามหาทางเอาตัวรอดในโลกเท่านั้นเอง – ก็เป็นการคิดอีกมุมน่ะครับว่าบางครั้งหากเราไม่ทำบางสิ่งในเวลาที่สมควรทำ ปล่อยให้ความกลัวควบคุมตัวเราจนตัวแข็งทื่อ แบบนั้นมันอาจกลายเป็นความพลั้งพลาดที่นำพาชีวิตไปสู่จุดอับก็เป็นได้
สรุปว่าเป็นหนังที่ดูสนุกแบบเบาๆ ครับ เพลงก็น่ารักดี ดูกับเด็กๆ ก็น่าจะสนุกนะ
สองดาวกว่าครับ

(6.5/10)
หมวดหมู่:Comedy, Family, Fantasy, Inspirational Movies, Movie Reviews, Musical










