พลิกแฟ้มคดีของตี๋เหรินเจี๋ย หรือ Detection of Di Renjie คราวนี้เหล่าตี๋ (ตู้อี้เหิง, Yiheng Du) ต้องไขปริศนาการตายอย่างลึกลับของคนในเมืองที่ตายต่อๆ กันหลายราย ซึ่งก็มีคำร่ำลือว่ามันเป็นอาถรรพ์จากนางฟ้าเฟยเทียนครับ ทำเอาทั่วเมืองตื่นกลัวกันไปใหญ่ งานนี้เหล่าตี๋เลยต้องหาความจริง กระชากหน้ากากผู้อยู่เบื้องหลังให้ได้
ว่ากันเป็นส่วนๆ เลยนะครับ เริ่มจากจุดที่ใช้ได้ก่อน ก็ได้แก่งานฉากงานสร้างต่างๆ ถือว่าไม่เลวสำหรับหนังลงสตรีม ภาพต้นไม้ป่าไม้ก็ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้หนังได้พอสมควร ต่อมาที่ถือว่าน่าพอใจคือคิวบู๊ครับ ฉากต่อสู้ฟันดาบควงกระบี่ถือว่าไม่เสียชื่อความเป็นหนังจีนกำลังภายใน อาจไม่ได้ลึกล้ำหรือสวยเริ่ดแบบหนังฟอร์มใหญ่ แต่ก็ถือว่าสู้กันได้มันส์พอตัว
ส่วนที่อาจต้องทำใจหน่อยคืองาน CG ครับ บางฉากก็พอได้นะ แต่บางฉากนี่ดูปลอมมากมาย โดยเฉพาะตอนไปเจอเซียนพิษแล้วโดนงูรุมล้อมนั่น ดูไม่เนียนอย่างแรง แต่ก็ยังดีครับที่หนังไม่เน้น CG เท่าไร ส่วนดารานั้นก็ถือว่ากลางๆ ครับ คนที่เล่นได้โอสุดคงเป็นตู้อี้เหิง ที่มารับบทตี๋เหรินเจี๋ยเป็นหนที่ 2 แล้ว หน้าตาท่าทางเขาก็คล้ายเฮียหลิวเต๋อหัวดี เพียงแต่ในแง่การแสดงการลงลึกทางอารมณ์อาจยังเทียบกันไม่ได้เท่านั้นเอง
เอาล่ะ ผมว่าถึงจุดที่โอเคและไม่ค่อยโอเคไปแล้วนะครับ ทีนี้มาว่ากันถึงจุดที่ก้ำกึ่งบ้าง ประมาณว่าเหมือนๆ จะดีอยู่แล้วเชียว แต่ก็ยังไม่ดีแบบเต็มๆ นั่นคือบทครับ เพราะนี่มันหนังสืบสวนน่ะนะครับ ความสนุกจะมากจะน้อยมันก็อยู่ตรงการสืบคดี เริ่มจากปมต่างๆ วางดีไหม แล้วการไขคดีล่ะดีหรือเปล่า และการขมวดปมหรือสรุปเรื่องน่ะเข้าท่าไหม
ปมเรื่องจริงๆ น่ะน่าสนใจครับ อารมณ์มันจะคล้ายๆ กับภาคดาบทะลุคนไฟ คือจู่ๆ ก็มีคนตายต่อๆ กันอย่างลึกลับ เพียงแต่เรื่องนั้นทุกศพจะตายด้วยไฟ ส่วนภาคนี้ทุกศพล้วนตายโดยมีรอยยิ้ม จุดที่ผมค่อนข้างโอเคคือหนังเล่าเรื่องแบบเนื้อๆ ครับ คือแต่ละฉากที่เล่าต่อๆ กันนั้นล้วนเป็นการสืบคดีทั้งสิ้น ไม่ค่อยมีวาระอืดเอื่อยเอ้อระเหย เรื่องมันเดินไปข้างหน้าตลอด แล้วก็มีการโชว์สกิลเหล่าตี๋เป็นพักๆ หนังเลยค่อนข้างกระชับและมีปมให้ตามอยู่เรื่อยๆ
ครั้นพอดูจนจบก็พบว่าหนังมีความซับซ้อนไม่ใช่น้อย ประมาณว่ามีหักมุมซ้อนหักมุมซึ่งจริงๆ น่าจะถือเป็นเรื่องดี… จริงๆ มันก็ดีนั่นแหละ คดีมันหลายซับหลายซ้อนดี มีการพลิกผันไปมาก็ถือว่าดี เพียงแต่การเล่าเรื่องน่ะครับ มันกระจายตำแหน่งของปมต่างๆ ได้ยังไม่ดีเท่าที่ควร อย่างปมใหญ่ของเรื่องนี่เหมือนจู่ๆ ก็โผล่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย คือจริงๆ มันควรมีการเกริ่นหรือเอ่ยถึงบ้างให้คนดูพอรับรู้ แล้วพอถึงช่วงเฉลยมันจะได้ “โอ้ว มันเกี่ยวกันอย่างนี้เองหรือนี่” นึกออกไหมครับ มันจะได้อ๋อและเก็ทน่ะ แต่นี่กลายเป็นวันดีคืนดีปูมหลังบางเรื่องดันโผล่มาเดี๋ยวนั้นเฉย แทนที่จะทำให้ทึ่งมันเลยไม่ทึ่งแบบเต็มๆ
หรือตัวละครที่เกี่ยวข้องกับคดี ถ้าโดยทั่วไปมันจะมีการเกริ่นให้เรารู้จักตัวละครแบบทั่วๆ ให้เราพอเห็นหน้าเห็นตาบ้างว่าคนนี้ใคร แล้วตอนท้ายจะหักมุมว่า “อ๋อ คนนี้ทำเหรอ” มันก็จะได้รู้สึกถึงการเชื่อมโยง แต่นี่บางตัวละครเราไม่ได้เห็นหน้าเลยตอนครึ่งแรก แล้วจู่ๆ ก็โผล่มาตอนหลังพร้อมทำท่าน่าสงสัย เลยทำให้แทนที่มันจะมีการหักมุมแบบปังๆ ก็เลยกลายเป็นไม่ปังน่ะครับ
โดยรวมแล้ว ผมว่าปมกับโครงข่ายของเรื่องน่ะโอเคนะ แต่การปูพื้น การเล่าเรื่อง การกระจายปม และการสร้างความรับรู้ให้คนดูสำหรับประเด็นต่างๆ ที่จะนำไปสู่จุดเฉลยมันยังไม่ดีพอ หนังเลยเหมือนๆ จะโอเคครับ คือเกือบๆ จะเข้าท่าแล้วเชียว แต่ก็กลายเป็น “เหมือนๆ จะ” เท่านั้น มันยังไม่สุดน่ะครับ
ดูแล้วจริงๆ ผมโอเคนะ เพียงแต่เสียดายน่ะครับ ถ้าวางเรื่องดีกว่านี้ เกริ่นปมกระจายปมดีกว่านี้ มันคงสนุกกว่าที่เป็นน่ะครับ
สองดาวยังพอได้ครับ
(6/10)