ดูมาแล้วภาคหลายเวอร์ชั่น ในที่สุดก็เจอภาคที่ผมรู้สึกโอเคจริงๆ จังๆ สักที
Mojin: Mysterious Treasure ภาคนี้ หูปาอี (จางจื้อเหยา, Ken Chang), เชอร์ลี่ หยาง และหวังข่ายเสวียน (Li Dianzun) จำต้องไปผจญภัยที่เขาผิงซานตามคำชวนแกมบังคับของเฉินหวาย ส่วนที่เหลือนอกจากนี้ก็ตามไปดูต่อกันได้ครับ ไม่รู้จะเล่าอะไรมาก หลักๆ ก็คือพวกเขาต้องไปผจญภัยเสี่ยงตายห้อยโหนโจนทะยานกันนั่นแหละ
ผมรู้สึกโอเคกับภาคนี้ครับ ชอบการเล่าเรื่องที่แม้จะลงสูตรสำเร็จหนังแอคชั่นผจญภัยแบบสุดๆ ก็ตาม แต่อาจเพราะมันลงสูตรน่ะครับมันเลยเป็นเหมือนใช้ท่ามาตรฐานในการเล่าและส่งผลให้มันอยู่ในระดับมาตรฐาน มีความพอเหมาะพอดีในแบบของมัน ซึ่งก็ต้องบอกก่อนว่าใครคาดหมายอะไรที่หวือหวาพลิกผันก็อาจไม่ใช่เรื่องนี้ครับ อย่างที่บอกน่ะว่ามันลงสูตรหนังผจญภัยจริงๆ
เปิดมาก็เกริ่นบอกเล่าตำนาน ก่อนจะเข้าเรื่องและเปิดหน้าตัวละครหลักมาทีละคน จากนั้นก็มีการตีกันไฝว้กันบ้าง ก่อนจะเข้าสู่การผจญภัย ระหว่างทางก็เจอกับดักนรก เจอปริศนาให้ไข เจอตัวประหลาดที่เล่นงานคนได้จนถึงตาย แล้วก็เจอการหักหลังบ้างอะไรบ้างตามสไตล์ จากนั้นก็จะได้เจอขุมทรัพย์พร้อมด้วยความลับของมัน มีไคลแม็กซ์ให้ตีกันตามธรรมเนียม แล้วหนังก็แลนดิ้งสู่ฉากจบ – บอกแล้วไงครับ มันตามสูตรน่ะ
แต่ก็อย่างที่ผมบอกน่ะครับ บางทีการดูหนังสักเรื่องเราไม่ได้คาดหวังแต่ความแปลกใหม่หรอก บางทีแค่ความบันเทิงเดิมๆ ก็โอเคแล้วสำหรับการหย่อนใจผ่านแผ่นฟิล์ม ความสนุกของหนังอาจไม่ถึงขั้น Indiana Jones หรือ National Treasure แต่ก็ถือว่าสู้หนังผจญภัยเกรดรองหรือหนังทีวีได้แบบสบายๆ ซึ่งอันนี้ก็ต้องปรับความคาดหวังด้วยน่ะนะครับ ถ้าหวังมากก็อาจผิดหวังมาก แต่คงเพราะผมดูมาแล้วหลายภาค แล้วแต่ละภาคก็ไม่เวิร์กเท่าที่ควรจนผมไม่คาดหวังอะไรกับหนังชุดนี้แล้ว ครั้นพอมาเจอภาคนี้ที่ถือว่าทำได้เข้าท่า ก็เลยเพลินกับมันได้มากหน่อย
งานสร้างต่างๆ ถือว่าดีเป็นอย่างๆ ไปครับ แน่นอนว่าบางอย่างก็ไม่เวิร์ก อย่าง CG เป็นต้น บอกเลยว่า CG ไม่เนี๊ยบเท่าไร โดยเฉพาะ CG ฉากหลังแล้วให้ตัวละครมาอยู่ในฉากน่ะครับ บางฉากนี่ตัวละครแก้มหายคางหาย เรียกว่าไม่ต้องไปศัลยกรรมเหลาคางก็ทำให้คางผอมได้ แค่ไปยืนกลางฉาก CG แค่นี้แก้มก็ผอมคางก็หายแล้ว 555
หรืองานฉากก็ดูออกว่าเป็นงานเซ็ทขึ้นมาน่ะครับ ไม่ได้ดูลงทุนอลังการอะไรมาก แต่กลายเป็นว่าผมมองข้ามได้น่ะครับ เพราะการเล่าเรื่องมันได้ อารมณ์หนังผจญภัยมันเลยมา ฉากต่างๆ ที่ CG บ้าง เซ็ทขึ้นมาบ้างมันเลยพอกล้อมแกล้ม แม้ในแง่ความต่อเนื่องของบางฉากอาจดูโดดไปบ้าง อย่างตอนลงไปในถ้ำครั้งแรก ปกติภาคอื่นๆ จะมีฉากโรยตัวโชว์ความอลังการของถ้ำ แต่ภาคนี้ฉายให้เห็นปากรูแล้วตัดมาที่พื้นถ้ำเลย เดาว่าคงประหยัดงบน่ะครับ – ก็มีหลายฉากที่ดูโดด ไม่ต่อเนื่อง แต่ก็อย่างที่บอกน่ะครับว่าหนังเล่าได้โอเค เลยพอจะมองข้ามได้
ดาราที่มาเล่นก็ถือว่าโอเค หรือไม่ก็อาจเพราะผมคุ้นหน้าด้วยน่ะครับ อย่างจางจื้อเหยานี่ก็คุ้นมาจากบทชอลิ้วเฮียงและฮวยมั่วเล้าในเล็กเซียวหงส์ฉบับจางจื้อหลิน พอมาเล่นเป็นปาอีก็ถือว่าใช้ได้ ส่วนหนึ่งก็คงเพราะหนังเปิดโอกาสให้ปาอีได้โชว์สกิลด้วยน่ะครับ ไม่ว่าจะการวิเคราะห์ ตีความสัญลักษณ์ต่างๆ หรือการใช้สมองไขปริศนา (แม้จะได้กลิ่นความเป็น Sherlock มากๆ ก็ตาม) ทำให้ปาอีในภาคนี้ดูเด่นในแบบที่ควรจะเป็น แต่ก็เหมือนกันที่พี่ท่านดูฟูมฟายเกินในบางวาระ
เอาเป็นว่าใครชอบหนังผจญภัยแล้วอยากเสพหนังเข้าถ้ำอะไรแบบนี้ก็ลองดูได้ครับ ผมว่าไม่เลวนะ
สองดาวครับ
(6/10)