ตอนแรกตอนได้ข่าวว่าจะสร้างก็รู้สึกอยากดูอยู่ครับ ครั้นพอได้ดูตัวอย่างแรกก็เริ่มรู้สึกเฉยๆ รู้สึกเหมือนว่าหนังมันดูเรียบๆ เรื่อยๆ ยังไงพิกล (ดูไม่ค่อยมีสีสันหรือลูกเล่นน่ะครับ) แต่ของแบบนี้ก็ต้องดูแบบเต็มเรื่องถึงจะสรุปได้ว่าเราจะโอเคกับมันหรือไม่อย่างไร
หนังออกมาเรื่อยๆ จริงๆ ครับ คือถ้าดูแบบไม่คิดมาก ดูเอาความเพลิดเพลินเบาสมองไม่หนักหัว หนังก็จัดว่าตอบโจทย์ได้ในระดับกลางๆ คือไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่ถึงกับสนุกสนานแบบเต็มๆ อะไรๆ มันดูเรื่อย ดูธรรมดา จะมีสนุกบ้างก็เป็นพักๆ ไม่ได้สนุกตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ
อย่างแรกเลยที่คิดหลังดูจบคือผมว่าเรื่องราวที่หนังเล่าไว้ตอนต้นเรื่องน่ะน่าสนใจดีครับ ที่เล่าตั้งแต่เริ่มว่าด็อกเตอร์ ดูลิตเติ้ล (Robert Downey Jr.) เริ่มรักษาสัตว์แล้วก็เจอคนรักอย่างไร เจอเจ้าหมีขี้หนาวยังไง คือผมว่าเรื่องมันดูน่าจะสนุกนะ ถ้าเอาอันนั้นมาเล่าเป็นเรื่องเป็นราวหนังน่าจะครบรสทั้งเบาสมอง แฟนตาซี ผจญภัยและโรแมนติก
ส่วนตัวหนังจริงๆ นั้นเริ่มเล่าให้เราเห็นว่าดูลิตเติ้ลหมดอาลัยตายอยากอย่างไร และต้องกลับมาผจญภัยอีกครั้งเพราะอะไร ซึ่งเรื่องมันดูเรื่อยๆ ไม่ได้ลึกอะไรน่ะครับ อีกทั้งการเล่าเรื่องก็เล่าแบบเรื่อยๆ ไม่ได้มีลูกเล่นอะไร พูดตรงๆ เลยก็คือ Downey Jr. ต้องมาแบกหนังทั้งเรื่องไว้ อันนี้ก็ชมพี่เขาล่ะครับ ดูก็รู้เลยว่าพี่เขาพยายามเต็มที่ แต่ปัญหาคือพี่แกคนเดียวก็เอาไม่อยู่น่ะสิครับ
ด้านความฮาก็เรื่อยๆ ด้านเนื้อเรื่องก็โล่งๆ การผจญภัยก็ไม่ได้ตื่นเต้นเร้าใจหรือน่าสนใจอะไร ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่ดูลิตเติ้ลเจอก็หาทางออกได้ง่ายๆ แบบไม่ค่อยมีลุ้น ด้านดาราสมทบนี่คนที่ต้องยกนิ้วให้เลยคือ Michael Sheen ที่มาเสริมฮาได้พอเหมาะ อีกคนก็ Antonio Banderas ที่แม้จะมาน้อย แต่พอเห็นหน้าเขาคนรุ่นผมก็รู้สึกโอเคแล้วล่ะ
ดาราที่ผมบอกไปนั้นมาเล่นแบบไม่มากครับ ในขณะที่บทสมทบที่ตีคู่ไปกับพระเอกเลยก็คือ Harry Collett ซึ่งหากให้ว่ากันตรงๆ แล้ว เขายังไม่เด่นเท่าไรน่ะครับ (อันนี้แอบคิดนะว่าถ้าให้ Tom Holland มาเล่นน่าจะเวิร์กกว่าเยอะ)
ส่วนสรรพสัตว์ในเรื่องก็ทำหน้าที่ได้โอเคเท่าที่จะทำได้ครับ คือจริงๆ องค์ประกอบต่างๆ ในหนังไม่ว่าจะดารา หรือ Special Effect นี่จัดว่าโอเคเลยนะครับ หรือจะดนตรีประกอบของ Danny Elfman ก็นับว่ากลมกลืนไปกับตัวหนัง แต่ปัญหาสำคัญเลยคือเรื่องบทนั่นแหละครับ มันยังไม่สนุกพอ ลูกเล่นยังไม่จับใจ ความน่าสนใจยังไม่มากพอ ผลที่ได้มันเลยไม่สุดสักเท่าไร
จริงๆ หนังมีจุดที่ดูไปก็เข้าท่าอยู่ครับ อย่างการที่ดูลิตเติ้ลกับเหล่าสรรพสัตว์ผลัดกันเตือนสติหรือให้กำลังใจต่อกัน ถ้าหนังปรุงตรงนี้ดีๆ หรือเพิ่มจุดเหล่านี้ลงไปในจังหวะที่เหมาะสม หนังจะมีอะไรมากกว่าที่เป็นครับ แต่เท่าที่เป็นนี่ถือว่ามีในระดับหนึ่งเท่านั้น
หนังกำกับโดย Stephen Gaghan ครับ ซึ่งที่ผ่านมาเน้นทำแต่หนังแนวเครียดๆ จริงจังๆ อย่าง Syriana หรือ Gold แต่ไม่เคยจับหนังแนวผจญภัยหรือเบาๆ มาก่อน ซึ่งก็เลยไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรครับที่หนังจะออกมาอย่างที่เป็น เพราะเขาไม่คุ้นเคยกับแนวทางนี้ เลยทำให้หนังออกมารสแปร่งๆ ดูเหมือนจะเบาสมองแต่ก็ยังไม่ได้ที่ ดูเหมือนจะแฟนตาซีแต่ก็ยังไม่สุด ด้านอารมณ์ขันก็เหมือนจะมีแต่ก็ไม่ค่อยออกรสขำ (สิ่งที่รู้สึกคือ ผมว่า Downey Jr. ดูมีอารมณ์ขันครับ แต่ตัวหนังเหมือนจะไม่สอดรับกับลีลาของเขาสักเท่าไร)
ตัวหนังจัดว่าล่มแบบพอท้วมๆ ครับ เพราะลงทุนมากถึง $175 ล้าน แต่ได้คืนมาราวๆ $223 ล้าน (ซึ่งโดยส่วนตัวผมว่าเยอะแล้วนะนั่น-หากมองจากผลลัพธ์ของหนังน่ะ)
ก็ยอมรับว่าเสียดายอยู่เหมือนกันครับ เพราะจริงๆ หน้าหนังน่าสนใจ มันสามารถทำออกมาเป็นแนวผจญภัยล้ำจินตนาการได้ และทำภาคต่ออีกก็ยังได้หากทำออกมาดีๆ น่ะ แต่เหมือนว่าหนังยังไม่อยู่ในมือของคนที่ใช่น่ะครับ ผลที่ได้เลยออกมากลางๆ แบบไม่ใช่-ไม่เชิงอย่างนี้
ยอมรับว่าระหว่างเขียนนี่อารมณ์มันเจือไปด้วยความเสียดายครับ ถ้าถามว่าชอบอะไรในหนังมากที่สุด ผมยกให้เจ้ากระรอกบินจิ๋วน่ะครับ โผล่น้อยแต่ขโมยซีนสุดๆ แล้ว
อีกอย่างที่อยู่ในห้วงความคิดก็คือ อย่างน้อยการดูฉบับพากย์ไทยสำหรับผมแล้วก็ถือว่าเพิ่มรสอร่อยให้กับหนังได้อีกหน่อย เพราะได้พี่ปิยะมาพากย์เป็น Downey Jr. แล้วได้น้าติ่งมาพากย์เสียง Martin Sheen ซึ่งเพิ่มความฮาได้เยอะมาก และพี่จักรกฤษณ์มาแว้บๆ ในเสียงของ Banderas ครับ – สำหรับผมแล้ว พวกพี่เขาเพิ่มรสชาติให้กับหนังได้ไม่น้อยทีเดียว
สองดาวแบบเรื่อยๆ ครับ
(6/10)
หมวดหมู่:Adventure, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Comedy, Family, Fantasy