รีวิวหนังซีรี่ส์/หนังชุด

Chicago Med Season 1 (2015 – 2016) ทีมแพทย์ยื้อมัจจุราช ปี 1

20934835_1742149262482534_6945961910603857618_o

ออกตัวก่อนเลยครับว่าไม่เคยดูซีรี่ส์ตระกูล Chicago มาก่อน เคยดูเพียงผ่านๆ แบบไม่จบตอนด้วย ซึ่งก็เท่ากับไม่ได้ดูน่ะครับ แต่ก็อยากหาโอกาสไปย้อนดูเหมือนกันเพราะเห็นมีการทำซีรี่ส์แยกออกมาตั้งหลายอัน และเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ

เหตุผลที่ดูเรื่องนี้ก็เพราะผมชอบซีรี่ส์แนวหมอๆ ครับ ชอบตั้งแต่ ER, House M.D. เรื่อยมายัน Team Medical Dragon และ Doctor X พอเรื่องนี้เห็นว่าเข้าทางก็ลองจัดซะ เพราะจะว่าไปช่วงนี้ซีรี่ส์หมอก็มีไม่เยอะเท่าไร

เรื่องราวก็เกี่ยวกับหมอๆ ในโรงพยาบาลน่ะครับ แต่มันจะเน้นที่ดราม่ามากกว่าจะเน้นที่ความตื่นเต้นหรือเรื่องทางการแพทย์ คือภาพส่วนใหญ่ในเรื่องมันจะดูวุ่นวายคล้ายๆ ER แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นหรือเร้าใจอะไรขนาดนั้น

และจริงๆ มันก็มีเรื่องเกี่ยวกับการผ่าตัดเหมือนกัน (ภาพผ่าตัดก็มีการแหวกการผ่าที่ชัดเจนอยู่เหมือนกัน) แต่ก็ไม่ได้เน้นเรื่องเทคนิคมากเท่าพวก Team Dragon หรือ Doctor X ไปๆ มาๆ ก็คือจะเน้นที่เรื่องชีวิตของหมอ เน้นที่เรื่องของจรรยาบรรณแพทย์มากกว่า

ต้องขอบอกว่าสถานการณ์ในหนังดูจะถูกผูกขึ้นมาเพื่อก่อให้เกิดอารมณ์ดราม่าแบบชัดเจนครับ เริ่มจากตัวละครในเรื่องที่ส่วนมากก็เป็นเพียงปุถุชนที่หลายครั้งก็ตัดสินด้วยอารมณ์ หลายครั้งก็ทำพลาด หลายครั้งก็ขัดแย้งกัน

คือภาพมันจะไม่เหมือนกับซีรี่ส์หมอที่ผ่านๆ มาน่ะครับ คือปกติมันจะต้องมีตัวละครสักกลุ่มหนึ่งเป็นเหมือนตัวเอกที่มีความคิด มีหลักการ เป็นเหมือนพระเอก-นางเอกที่คนดูพร้อมจะเอาใจช่วย และพร้อมจะเข้าข้างยามเกิดเรื่องขึ้นมา หรือไม่เราก็จะลุ้นเพราะอยากให้พวกเขาชนะฝ่ายตรงข้าม

แต่กับเรื่องนี้ไม่ว่าจะหมอหรือพยาบาลต่างก็มีทั้งจุดอ่อนและจุดแข็ง มีทั้งข้อดีและข้อเสีย บางวาระก็น่าเอาใจช่วย แต่บางวาระก็ใช้อารมณ์จนงานเสียหาย หรือบางทีทำเอาเราหงุดหงิดไปกับการตัดสินใจของพวกเขาเลยก็มี ดังนั้นอารมณ์ระหว่างดูมันก็เลยออกจะต่างไปเหมือนกัน

แก่นสาระประการหนึ่งของซีรี่ส์ก็เหมือนจะบอกว่า “หมอก็คนนะคุณ” พวกเขาไม่ได้เป็นเทพที่สมบูรณ์แบบมาจากไหน ก็คิดลบเป็น เจ็บเป็น น้อยใจเป็น งี่เง่าเป็น มองผิดทำพลาดเป็น และโกรธเป็นเหมือนกับมนุษย์ทั่วๆ ไป

แต่ขณะเดียวกันหนังก็ไม่ได้ชี้นำให้เราเข้าข้างกับพฤติกรรมที่ไม่ดีของพวกเขาน่ะนะครับ แต่นำเสนอออกมาในเชิง “เป็นตัวอย่าง” ให้เราพิจารณาในสิ่งที่พวกเขาทำ อีกทั้งได้เห็นถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาหลังจากพวกเขาทำสิ่งต่างๆ ลงไปแล้ว ว่าง่ายๆ ก็คือออกแนวอุทาหรณ์สอนใจให้เราพิจารณาตนเหมือนกัน

สำหรับผมแล้ว ซีรี่ส์นี้ก็ดูได้เรื่อยๆ ครับ สนุกเป็นตอนๆ ไป บางตอนถ้าดราม่าเยอะหรือมีตัวละครชวนหงุดหงิดก็จะออกแนวเฉยๆ ซึ่งก็ต้องแล้วแต่ความชอบครับ หากใครชอบกับอะไรที่มันดราม่าก็น่าจะโอเค แต่อาจเพราะผมติดภาพซีรีส์หมอเรื่องอื่นๆ ที่เน้นไปประเด็นอื่นๆ มากกว่า รวมถึงชินกับภาพหมอที่มีวุฒิภาวะมากกว่า ก็เลยยังไม่ถึงกับติดสำหรับซีรี่ส์นี้ครับ

ดาราในเรื่องก็เล่นกันดีครับ แต่บางคนก็ดูแล้วไม่ถูกเส้น อย่างหมอวิลล์ ฮอลสเต็ด (Nick Gehlfuss) ที่บางทีก็เอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่เยอะจนเราอดอึดอัดไม่ได้ และที่ออกจะรำคาญมากหน่อยคือ โนอาห์ (Roland Buck III) น้องของนางพยาบาลเอพริล (Yaya DaCosta) ที่ดูแล้วผมกุมขมับเลย 555 เจอหมอแบบนี้หายากินเองน่าจะปลอดภัยกว่าแฮะ

โดยรวมก็เป็นซีรี่ส์หมอที่สามารถเอามาดูเพื่อเตือนใจเราได้น่ะครับ ว่าไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพอะไรก็ตาม แต่คุณก็ต้องมีสติ ต้องเรียนรู้ ต้องทำความเข้าใจว่า “เราคือใคร” ต้องทำความเข้าใจบริบทแวดล้อม และหน้าที่ของตนเองให้ดี เพราะบางครั้งการล้ำเส้นหรือการทำโดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง มันอาจต้องแลกมาด้วยชีวิตของใครบางคนก็ได้

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)