รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

Inferno (1980), มันแอบอยู่ใต้ดิน

1393170108

ถือเป็นตอนที่ 2 ของหนังชุดไตรภาค 3 จอมแม่มด (Three Mothers Trilogy) ที่เริ่มด้วยเรื่อง Suspiria แล้วต่อด้วยเรื่องนี้ ก่อนจะไปจบที่เรื่อง The Mother of Tears ซึ่งทั้ง 3 เรื่องกำกับโดย Dario Argento ทั้งหมดครับ

ไตรภาค 3 จอมแม่มด ก็เป็นตำนานที่ Argento ผูกขึ้นมาโดยอิงจากหนังสือ Suspiria de Profundis ของ Thomas de Quincey ว่าด้วยจอมแม่มด 3 ตนที่มีพลังอำนาจมหาศาลและหมายจะสร้างหายนะให้กับโลก โดยพวกนางมีถิ่นที่อยู่ต่างกันไป ตนหนึ่งอยู่โรม อีกตนอยู่เยอรมัน (ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุใน Suspiria) และอีกหนึ่งตนที่เยาว์ที่สุดอยู่ที่นิวยอร์ก ซึ่งก็คือจอมแม่มดที่เป็นวายร้ายประจำตอนนี้

1393174728

เรื่องเริ่มเมื่อโรส (Irene Miracle) สาวน้อยนักกวีที่อยู่อาศัยในอาคารหลังงามกลางมหานครนิวยอร์ก ทีนี้วันหนึ่งเธอได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับ 3 จอมแม่มดเข้า และจากเนื้อหาก็เป็นไปได้ว่าอาคารที่เธออยู่นั่นแหละ คือที่ซ่อนของจอมแม่มดแห่งความมืด (Mater Tenebrarum หรือ The Lady of Darkness)

แต่เมื่อโรสรู้ความจริงนี้ก็ทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย เธอเลยรีบส่งจดหมายบอกให้มาร์ค พี่ชายของเธอ (Leigh McCloskey) รีบเดินทางจากโรมมายังนิวยอร์ก เพื่อคุ้มครองเธอจากภัยร้าย แต่เมื่อมาร์คได้จดหมายและเดินทางมาถึงโรสก็หายตัวไป… และนั่นล่ะครับคือจุดเริ่มที่ทำให้มาร์คต้องเผชิญหน้ากับความชั่วร้ายที่แอบซ่อนอยู่ในอาคารแห่งนี้ในที่สุด

ตอนออกฉายนั้นหนังไม่ค่อยประสบความสำเร็จนักครับ ซึ่งมันมีที่มาที่ไปที่ฟังแล้วค่อนข้างน่าเสียดายอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็ต้องย้อนเล่าไปเล็กน้อยครับ

เริ่มจากตอนที่ Suspiria อันเป็นงานชิ้นก่อนหน้าของ Argento นั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างสวยงาม จนผู้จัดจำหน่ายอย่าง 20th Century Fox พอใจอย่างมาก ทำให้ทางผู้บริหารของ Fox ยินดีร่วมทุนสำหรับการทำ Inferno อันเป็นภาคต่อของ Suspiria แบบเต็มที่

inferno-1980-001-irene-miracle-swimming-underwater

แต่ปัญหาดันมาเกิดหลังสร้างเสร็จครับ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารของ Fox โดยชุดเก่าโดนถอดไป ส่วนชุดใหม่ที่เข้ามาแทนก็ตัดสินใจลอยแพหนังที่ผู้บริหารชุดเก่าอำนวยการสร้างไว้ทั้งหมด แน่นอนว่า Inferno ก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งคาดกันว่าเพราะทีมงานใหม่ต้องการปรับทิศทางของบริษัท นั่นเลยทำให้กว่า Inferno จะออกสู่สายตาประชาชนจริงๆ ก็ปาเข้าไปปี 1985 และแม้จะได้ฉายโรงแต่ก็ได้ฉายแค่ไม่กี่โรง และได้ลงโรงแค่ราวๆ 1 สัปดาห์เท่านั้น… ใช่ครับ หนังเลยกลายสภาพจากหนังเต็งเป็นหนังเจ๊งไป

แต่หากพูดกันถึงตัวหนังแล้ว ผมชอบนะครับ แม้หนังจะไม่สยองลงตัวมากเท่า Suspiria แต่ก็ทำได้น่าติดตาม มีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ ด้านความน่ากลัวและตื่นเต้นก็ถือว่ามีในระดับที่ดีเลยล่ะครับ

จุดเด่นของหนังต้องยกให้โทนสีครับ อันนี้ใครเคยดู Suspiria มาก่อนคงจำได้ว่าหนังชอบเล่นกับโทนสีมากๆ (แดง, เขียว, ดำ) ซึ่งโทนสีนี้เองทำให้คนดูเกิดอารมณ์หลอนได้อย่างไม่ยากเย็น พอมาเรื่องนี้หนังก็มาในโทนน้ำเงิน ม่วง แดงครับ นี่ก็ดูหลอนแบบแปลกๆ เสริมอารมณ์ลึกลับให้กับหนังได้อย่างน่าปรบมือ ไหนจะงานสร้างออกแบบฉากที่ดูอลังการและลึกลับไปพร้อมๆ กัน

ด้านเนื้อเรื่องก็ถือว่าทิ้งปมได้ดีครับ มันชวนติดตามไม่ใช่น้อย ฉากการฆ่าก็ถือว่าโหดชนิดที่ไม่เสียชื่อ Argento ต้องบอกว่าโดยรวมๆ หนังมันดูสนุกดีน่ะครับ เชื่อว่าคอหนังสยองน่าจะพอใจกัน

และจากกระแสของผู้ชมแล้ว ตอนออกฉายแรกๆ ก็อาจมีบ่นๆ กันบ้างว่าไม่ถึงใจเท่า Suspiria แต่เมื่อเวลาผ่านไปหนังก็ได้รับการยกย่องมากขึ้นๆ ว่าเป็นหนังสยองที่เล่นกับโทนสีได้ชวนหลอนดี และทุกวันนี้เราจะได้เห็นคอหนังสยองมากมายจัดอันดับเอาหนังเรื่องนี้ร่วมทำเนียบกับ Suspiria

1393174795

ถือเป็นหนังสยองที่น่าติดตามครับ บทอาจไม่แข็งมากนัก แต่งานด้านโปรดักชั่น การเล่นสี และการสร้างความระทึกถือว่าน่าพอใจ ถ้าชอบสไตล์ Suspiria ผมขอแนะนำเรื่องนี้แบบสุดๆ ครับ มันหลอนเราด้วยเฉดสีน้ำเงินม่วงอย่างได้ผล และในแง่ของฉากน่ากลัวๆ นั้น ผมว่าหนังมีเยอะครับ และที่ว่าน่ากลัวนี่ไม่ได้หมายถึงมันแหวะหรือมีเลือดสาดนะครับ แต่ผมหมายถึงบรรยากาศน่ะ เอาแค่ตัวเอกเดินไปตามตรอกแคบๆ, ลงไปห้องใต้ดินที่ดูลึกลับ หรือตอนที่ผมชอบมากๆ คือตอนที่มีตัวละครหนึ่งเดินลงไปชั้นใต้ดินของห้องสมุด… ฉากนี้น่ากลัวมาก คือถ้าเป็นเราพลัดหลงไปที่ชั้นใต้ดินที่มีสภาพแบบนั้น มีห้องแบบนั้นล่ะก็ สงสัยช็อกตาตั้งแน่นอน

สรุปว่าคุ้มค่าน่าดู

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)

inferno-1980-de-dario-argento