Comedy

The Intern (2015) ดิ อินเทิร์น โก๋เก๋ากับบอสเก๋ไก๋

86ca26ae09a739dc94f66bcac7ca0fd5

ถ้าถามว่าระยะหลังๆ มานี้ผมจดจ่อติดตามผลงานของผู้กำกับคนไหน ก็ตอบได้เลยว่าคนที่มาเป็นอันดับต้นๆ คือ Nancy Meyers

ต้องบอกว่าติดตามกันมานานครับ ตั้งแต่สมัยยังร่วมสร้างหนังกับอดีตสามี Charles Shyer เจ้าของผลงานที่ผมชอบที่สุดตลอดกาลอย่าง Father of the Bride (อันเป็นเหตุผลให้ผมชอบ Steven Martin และเอาเงาของรูปลุงแกขึ้นเป็นโปรไฟล์มาจนถึงทุกวันนี้)

ครั้นพอมาระยะหลัง หลังจาก Meyers แยกทางกับ Shyer เธอก็ผันตัวมาเป็นผู้กำกับแบบเต็มตัว และหนังแต่ละเรื่องที่ทำออกมาก็ไม่มีคำว่าผิดหวัง ไม่ว่าจะ The Parent Trap, What Women Want, Something’s Gotta Give, The Holiday และ It’s Complicated

ทุกเรื่องออกมาดูสนุก กลมกล่อม ดาราดี เนื้อหาดี แม้แต่ละเรื่องจะมีจุดอ่อนประการหนึ่งคล้ายๆ กันคือช่วงแลนด์ดิ้งเรื่องตอนจบดูจะง่ายไปบ้างในบางอารมณ์ แต่หากว่ากันโดยรวมแล้วถือว่าอิ่มอร่อย ชวนดูซ้ำ

กับเรื่องนี้ก็ว่าด้วยพ่อม่ายวัย 70 นามเบน วิเทเกอร์ (Robert De Niro) ที่ตัดสินใจสมัครเข้าทำงานในบริษัทธุรกิจแฟชั่นออนไลน์ซึ่งก่อตั้งโดย จูลส์ (Anne Hathaway) ซึ่งตอนแรกจูลล์ก็ไม่อยากจะได้ผู้ช่วยวัยดึกขนาดนี้หรอกครับ แต่เมื่อจูลส์ได้สัมผัสถึงความเป็นผู้ใหญ่ของเบน เธอก็ยิ่งค้นพบในสิ่งที่ “วัยหนุ่มสาวเช่นเธอ” ขาดหายหรือบกพร่องไปในบางเรื่อง

หนังของ Meyers มีจุดเด่นมากๆ คือหาดาราฝีมือดีๆ มา แล้วก็ปล่อยของกันตามสบาย ดังนั้นพอได้ดูหนังของเธอทีไร มันเลยรู้สึกติดดิน แม้จะมีปรุงรสบ้างแต่ก็ไม่มาก การเดินเรื่องก็เป็นธรรมชาติตามลำดับ แม้จะลงสูตรสำเร็จในหลายๆ วาระ แต่ Meyers ก็สามารถคุมมันให้ออกมาแบบมีสไตล์เป็นของตัวเอง

สำหรับเรื่องนี้ผมเชียร์ให้ดูกันเลยครับ โดยเฉพาะคนวัยหนุ่มสาว ตั้งแต่ 15 – 35 ปีเลย เพราะเราจะได้สาระน่าสนใจหลายอย่างจากตัวหนัง หรือว่าง่ายๆ ก็คือการกระทำของเบน ซึ่งถือว่าเป็นตัวละครที่สอนบทเรียนหลายๆ อย่าง ทั้งกับจูลส์และคนดู

the-intern-wallpapers-30045-1534337

จริงครับที่วิถีชีวิตของคนมันเปลี่ยนไปตามยุคสมัย วัยรุ่นสมัยนี้อาจบอกว่าวิถีแบบเดิมๆ ของผู้ใหญ่หรือคนแก่น่ะมันใช้ไม่ได้กับสมัยนี้หรอก “โลกมันเปลี่ยนไปแล้วลุง” อะไรประมาณนั้น

ซึ่งก็จริงครับ บางอย่างเปลี่ยน บางหลักบางวิธีที่คนสมัยก่อนเคยใช้มันอาจใช้ไม่ได้กับสมัยนี้ แต่ก็มีบางหลักบางวิธีอีกเช่นกันที่มันใช้ได้สากล ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป หลักการดำเนินการชีวิตบางเรื่อง สามารถนำไปมาปรับใช้ได้ไม่จำกัดกาล

จริงอีกเช่นกันที่วิถีของโลกทุกวันนี้ บางเรื่องบางอย่างมันก็ดูเลยเถิดจนเกินงามไป ส่วนหนึ่งก็เพราะบางครั้งคนรุ่นใหม่ก็หลงลืมวิธีเดิมๆ ที่สมัยก่อนเคยทำแล้วส่งผลดีนั่นแหละ

ประมาณว่าเมื่อวิถีดีๆ แต่ดั้งแต่เดิมมันหายไป ก็เปรียบได้กับเสาบางต้นที่ค้ำสังคมอยู่มันเลื่อนหรือถล่ม อีแบบนั้นสังคมจะไม่ถล่มหรือโอนเอนได้อย่างไร

การดูหนังเรื่องนี้ในหลายฉากก็เหมือนเตือนสติเราน่ะครับ ไม่ว่าจะการใจเย็น, การทำอะไรอย่างมีสติ, การให้เวลากับคนสำคัญ, การให้ความสำคัญกับความเป็นตัวเรา หรือการค้นให้เจอว่าจริงๆ แล้วเราคือใคร อะไรเหล่านี้บางทีเราก็ลืมนึกถึงไป ท่ามกลางกระแสโลกที่ในหลายครั้งก็พยายามกลืนเรามากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อว่ากันถึงตัวหนัง ดาราคือพลังสำคัญครับ เนื้อหาจริงๆ ไม่แปลกใหม่ แต่เพราะคนทำเล่าได้ดี รสชาติจึงชวนชิม โดยรวมผมก็ชอบหนังเรื่องนี้เหมือนผลงานก่อนๆ ของ Meyers ล่ะครับ อาจจะมีบ้างที่บทสรุปมันแลนด์ดิ้งง่ายแบบที่เป็นเสมอในหนังของเธอ แต่นั่นเป็นจุดเล็กๆ ที่ถือว่าน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับความกลมกล่อมที่หนังมีตลอดเรื่อง

เขียนรีวิวเสร็จคงต้องมีดูซ้ำอีกครับ ^_^ เพราะดูแล้วสบายใจ มีความสุข หนังถือว่าผสมอารมณ์ขันและแง่คิดชีวิตลงไปได้อย่างพอเหมาะพอดีทีเดียว

เอ้า ไม่ต้องรอแล้วครับ ใครยังไม่ได้ดู ดูเลยจ้า

สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ

Star22

(7.5/10)