ผมพยายามคิดว่านี่เป็นหนังแนว “ทายาทสายลับตามรอยไขปริศนา” ที่ใส่ลีลารสชาติใหม่ลงไป นั่นคือแทนที่จะให้ตัวเอกของเรื่องเป็นคนฉลาด มีไหวพริบ ถูกฝึกมาเพื่อรับมือกับเรื่องแบบนี้ แต่กลับกำหนดให้เป็นหนุ่มละอ่อนล่ำบึ้กที่ทำอะไรตามอารมณ์ แล้วก็ทิ้งร่องรอยให้ใครต่อใครไล่ตามล่าได้โดยสะดวก
ขณะเดียวกันพวกที่ไล่ตามก็เหมือนจะเก่งครับ ระดับมาเฟียรัสเซียและซีไอเอทั้งนั้นตามรอยเจอตลอดว่าพวกตัวเอกอยู่ที่ไหน แต่ดันใช้เวลากว่าค่อนเรื่องกว่าจะตามพวกพี่พระเอกเจอ แล้วพอเจอแต่ละทีก็มันอันคลาดกับพวกพระเอก ปล่อยให้หนีไปได้เรื่อยๆ ไปจนหนังจบโน่น
แล้วพระเอกนางเอกทั้งที่รู้ว่ามีคนตามล่าเพียบ ไว้ใจใครก็ไม่ได้สักคน แต่ก็ยังไปไหนมาไหนแบบวิ่งไปแต่ไม่ค่อยระวังตัว วันดีคืนดีก็เดินไปหาข้าวกิน (ไม่ได้ไปด้วยกันนะครับ ให้คนหนึ่งไปเพียงลำพังน่ะ) โดยไม่คิดจะระแวดระวังอะไรเลย ^^
และฉากหาข้าวกินนี่ก็ยังขำได้อีก เพราะคนที่ไปหาข้าวกินคนเดียวน่ะคือนางเอกครับ พี่พระเอกก็แมนมากให้เธอไปคนเดียว ตัวเองนั่งรออยู่ที่ห้องทั้งที่รู้ๆ อยู่ว่าทุกคนที่ตามล่าพี่แก (ทั้งผู้ร้ายและผู้ดี) ก็รู้หน้านางเอกเรียบร้อย… แล้วก็เกิดเรื่องจนได้
ครับ รสใหม่นะ พยายามคิดอย่างนั้นแล้วกัน แต่รู้ไหมครับ มันออกจะเป็นรสที่ไม่น่าปรุงออกมายังก็ไม่ทราบ เพราะถ้าทำให้ตัวเอกมีไหวพริบบ้าง ใช้สมองประลองปัญญากับพวกผู้ร้ายบ้าง มันคงจะสนุกกว่า มีลุ้นกว่า และน่าหงุดหงิดน้อยกว่าที่เป็น (อย่างฉากหาข้าวกินเป็นต้น ^^)
Taylor Lautner พ่อหนุ่มหมาป่าเจค็อบแห่ง Twilight มารับบท นาธาน เด็กหนุ่มจอมเฮ้วที่จู่ๆ ก็ค้นพบว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเขามา (Jason Isaacs และ Maria Bello) อาจไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง แล้วการค้นหาคำตอบของชาติกำเนิดก็นำไปสู่อันตรายครั้งใหญ่ครับ เมื่อพวกผู้ร้ายที่ต้องการตัวเขาออกโรงหมายจะจับเขาไป อันทำให้เขาต้องหนีโดยมีคาเรน (Lily Collins) เพื่อนสาวข้างบ้านที่ดันอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เลยต้องระหกระเหินเอาตัวรอดไปด้วยกัน
พระเอกหล่อ นางเอกสวย ดาราสมทบในเรื่องก็มีทั้งชื่อและฝีมือการแสดง ไม่ว่าจะ Isaacs, Bello, Sigourney Weaver และ Alfred Molina จริงๆ ฟอร์มหนังก็ไม่เลวนะครับ แต่ดันมาเหลวตรงเนื้อหาอย่างที่บอกไป การเดินเรื่องก็แหม่งๆ น่ะครับ อย่างการสงสัยของนาธานว่าเขาไม่ใช่ลูกของพ่อแม่ก็ดูเป็นการสงสัยตามบทยังไงก็ไม่รู้ เพราะพ่อแม่ของนาธานเองก็ไม่ใช่คนเลวร้าย ซ้ำยังดูแลเขาดีออก แล้วตั้งแต่ต้นหนังก็ไม่ได้แสดงคาแรคเตอร์ว่าพ่อพระเอกของเราเป็นคนช่างคิดช่างสงสัยแต่อย่างใด มีแต่ดื่มจนเมา ถอดเสื้อตัวบนแล้วก็ไปกองกับพื้น (ตกลงพี่จะถอดเสื้อโชว์แพ็คมันทุกเรื่องจริงๆ หรือครับนี่ เอิ้กๆๆ) แล้วก็มองสาวจนมึน จนเหมาะจะเข้าแก๊งสติฟเลอร์ใน American Pie ด้วยซ้ำ เลยออกจะชวนให้งึมงำหน่อยๆ ว่านึกยังไงถึงสงสัยประเด็นนี้หนอ
ถัดจากนั้นก็เป็นช่วงหนีการไล่ล่าที่ไม่ค่อยลุ้นเท่าไร นาธานและคาเรนก็ขยันใช้โทรศัพท์ให้ชาวบ้านมาไล่ล่าเหลือเกิน แต่พวกชาวบ้านนั่นก็ทำให้คนดูสับสน เพราะไม่รู้ว่าเก่งหรือไม่เก่งจริงยังไง ตอนตามรอยน่ะทำได้ไวแต่กว่าจะหาตัวเจอกลับช้า คือตอนแรกตอนเพิ่งแกะรอยเจอแล้วจะไปล่าน่ะ พอเข้าใจครับว่าเพิ่งเจอ มันคงช้าน่ะแหละกว่าจะไปถึง แต่นี่พอเจอแล้ว คลาดกันแล้ว มันก็อยู่ละแวกเดียวกัน ไม่ไกลกันมากนักหรอก ทีนี้พอพี่พระเอกทิ้งรอยอีกก็ดันตามช้าอีก ทำให้อะไรที่น่าจะลุ้นเลยไม่ลุ้นเท่าไหร่ เพราะยังไงผู้ร้ายก็ตามพระเอกไม่ทันแน่ๆ
หรือตัวร้ายที่โทรมาขู่นาธานว่า ถ้าไม่ทำตามที่บอก เดี๋ยวพ่อจะไล่ยำเพื่อนนาธานตั้งแต่เพื่อนสนิทกับจนถึงเพื่อนในเฟซบุ๊คเลย แต่ถัดจากนั้นนาธานก็ติดต่อให้เพื่อนสนิทมารับตัวเขาไปเจอกับผู้ร้ายตามนัด ปรากฏว่าพี่ผู้ร้ายยังไม่รู้เรื่องเลยครับ หรือถ้ารู้จริงก็คงไม่ไปตามนัดหรอกครับ แค่สะกดรอยเพื่อนพระเอกมาจับตัวพระเอกซะก็หมดเรื่องแล้ว
ก็ไม่ต้องคิดมากนะครับ ผมดูไปบ่นไปแบบขำๆ น่ะแหละ เพราะหนังมันน่าจะโอเคกว่านี้ แต่อะไรๆ ดันธรรมดาเกินไป ความตื่นเต้นลุ้นระทึกก็ไม่มาก ได้แต่สงสัยว่าทำไมพี่ John Singleton ถึงทำหนังออกมาได้สนุกน้อยขนาดนี้ เพราะขานี้น่ะทำหนังเยี่ยมๆ เข้มข้นอย่าง Boyz n the Hood, Four Brothers หรือแม้แต่ Shaft ที่ไม่ถึงกับยอด แต่ก็ยังสนุกมีลุ้น เร้าใจกว้ากันเยอะ
ส่วนดาราในเรื่องนั้น น้องเล้า (Lautner) ก็จัดว่าเสมอตัวครับ น้องลิน (Collins) ก็น่ารักเต็มเหนี่ยว แต่ก็ไม่ถึงกับเด่น ดาราสมทบก็มาเรื่อยๆ ซึ่งตัวละครที่ผมชอบที่สุดต้องยกให้ เบอร์ตัน (Alfred Molina) ซีไอเอที่ตามพวกพระเอกน่ะครับ ขานี้เล่นได้ลื่นไหล อย่างฉากที่เขากับคู่หูหลอกพวกผู้ร้ายในร้านอาหารนั่นถือว่าเป็นฉากเดียวที่เราได้เห็นตัวละครใช้ไหวพริบแบบเต็มๆ ในหนังไล่ล่าสายลับเรื่องนี้ กับอีกคนก็ Weaver ที่มาน้อยแต่ก็ได้ใจเยอะเหมือนกันเวลาปรากฏตัว
จริงๆ ถ้าหนังเรื่องนี้ใส่ส่วนผสมแล้วกวนให้พอเหมาะกว่านี้ น่าจะเอามาทำเป็นหนังตอนต่อได้เลยนะครับ ให้พระเอกกลับมาหาความลับอีกหลายๆ รอบ หรือไม่ก็ทำให้มันหักมุมสไตล์ 24 ก็ได้ แต่ด้วยความที่หนังมันออกมาอ่อนในหลายๆ ด้านก็เลยมีอันต้องเอวังด้วยประการละฉะนี้แล
ไม่ถึงสองดาวครับ
(5/10)
หมวดหมู่:Action, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Thrillers