
ไล่เรียงเล่าให้ครบครับ 555 ไหนๆ ก็รำลึกความหลังกันแล้ว
ยอมรับนะครับว่าตอนเด็กๆ ผมชอบหนังชุดนี้มาก มันสนุก เบาๆ ขำๆ บู๊แบบตลกๆ แต่ก็ดูจริงจังเล็กๆ ทีนี้พอโตขึ้นมุมมองที่มีต่อหนังมันก็อาจเปลี่ยนไปบ้าง อาจรู้สึกถึงความเบาของบท หรือไม่ก็จะมีอาการเรื่องมาก (เมื่อประสบการณ์มาก) สไตล์ผู้ใหญ่ที่รู้สึกว่านั่นมากไป นี่น้อยไป
แต่ข้อดีประการหนึ่งของการเป็นแบบนี้คือ เราได้สำรวจตัวเองไปในตัว ว่ามีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปในตัวเราบ้าง เราโตขึ้นในรูปแบบไหน ในแบบสนุกกับการเรียนรู้หรือมองดูในโทนจับผิด
อีกอย่างก็คือตรวจเช็คดูว่าความเป็นเด็ก ความร่าเริงเอิ้กอ้ากสดใสในตัวเรายังมีเหลืออีกมากน้อยแค่ไหน
ก็ยังดีครับที่หนังเรื่องนี้ทำให้ผมยังเจอความเป็นเด็กเหล่านั้นอยู่
เรื่องราวในภาคนี้ 3 นินจาจิ๋วสไตล์อเมริกัน อย่างร็อคกี้ (Michael Treanor), โคลท์ (Max Elliott Slade) และทัมทัม (Chad Power) ต้องเจอกับจอมวายร้ายเจ้าของธุรกิจที่ปล่อยสารพิษจากโรงงานมาสร้างความเสียหายให้กับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะชุมชนคนอินเดียนแดงที่รักสงบ แบบนี้ 3 นินจิ๋วและคุณตาโมริ (Victor Wong) ย่อมมิอาจปล่อยให้คนร้ายทำตามอำเภอใจได้
ก็ดูได้ขำๆ เพลินๆ น่ะครับ หนังพยายามใส่มุขฮาแบบเด็กๆ ตามสูตร แล้วก็แทรกแอ็กชันลงไปเป็นระยะ ส่วนตัวร้ายก็ร้ายแบบหนังการ์ตูนกันไป
สิ่งที่ผมชอบอย่างหนึ่งในหนังภาคนี้คือคำสอนสำคัญของคุณตาที่เอ่ยถามเด็กๆ ว่า “ดูดอกไม้ตอนมันบานให้ดี ดูว่ามันสอนอะไรกับเรา” เป็นคำสอนง่ายๆ ที่น่ารักและลึกซึ้งดีครับ (คำสอนนั้นก็เพื่อจะบอกว่า ยามดอกไม้บาน มันบานอย่างเงียบสงัด บานอย่างถ่อมตน มันไม่ได้ประกาศความงดงามใดๆ มันเพียงเบ่งบานตามธรรมชาติเท่านั้น)
ก็คงไม่กล่าวอะไรมากครับ ดูได้เพลินๆ อาจสนุกน้อยลงจากภาคก่อนๆ แต่ก็ยังดูได้ เหมาะสำหรับเด็กๆ และผู้ใหญ่ก่อนจะดูก็ต้องปรับอารมณ์ด้วยนะครับ อย่าคิดมาก (แต่ขนาดไม่คิดมากก็ยังรู้สึกว่าหนังมันเบาไปเหมือนกันครับ)
ไม่ถึงสองดาวครับ

(5/10)

หมวดหมู่:Action, Comedy, Family, Movie Reviews










