ตอนดู Draft Day จบรอบแรก ผมยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สนุกเกินความคาดหมายแห่งปีครับ แล้วก็เอามาดูซ้ำอีกหลายรอบทีเดียว เพียงแต่การดูรอบล่าสุดของผม ผมดูด้วยอารมณ์ต่างออกไป เพราะนี่กลายเป็นงานกำกับหนังใหญ่ชิ้นสุดท้ายของ Ivan Reitman
หนังเล่าถึงวันคัดตัวผู้เล่นหน้าใหม่เข้าทีมอเมริกันฟุตบอล ซึ่งโดยหลักแล้ววันนี้คือวันแห่งการช่วงชิงครับ ผู้จัดการแต่ละทีมต้องเล็งเด็กมหาลัยที่มีประวัติแจ๋วๆ มาเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม ระหว่างนั้นก็ต้องเจรจาแลกนั่นนี่กัน
ตัวเอกของเรื่องคือ ซอนนี่ วีฟเวอร์ (Kevin Costner) ผู้จัดการทีม Cleveland Browns ที่บารมีกำลังแผ่วลงทุกขณะ เลยทำให้วันคัดตัวคราวนี้เต็มไปด้วยเรื่องกดดัน ไม่ว่าจากกระแสสังคมหรือแฟนๆ ทีมที่บอกว่าเขาน่ะไร้ประสิทธิภาพ กระทั่งเพื่อนร่วมงานเองก็ทำท่าไม่มั่นใจในตัวเขา ขนาดแม่ของเขายังพลอยผสมโรงไปด้วย
ครับ หนังเล่าถึงวันที่ว่านี้ เล่าว่าซอนนี่เจอเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งถือว่าลื่นเกินคาด อันนี้ออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่คอ NFL ไม่เคยดูสักนัด (ยกเว้นที่เพื่อนเคยเปิดให้เห็นแว้บๆ) ไม่รู้ขั้นตอนอะไรเลย แต่ผมสนุกไปกับหนัง เพราะโดยหลักแล้วมันคือหนังชีวิตผสมการเฉือนคมต่อรองทางธุรกิจครับ แม้จะมีศัพท์แสงกีฬาอยู่บ้าง แต่ก็ดูรู้เรื่อง
เป็นหนังที่อะไรต่อมิอะไรมันดูพอเหมาะดีครับ ดาราเล่นกันเยี่ยม Costner ดูเหนื่อยสมบท แต่ก็ดูมีสมองพอที่จะคิดวิธีแก้เกมได้อย่างเฉียบคม, Denis Leary ก็ดูเจ้าอารมณ์ตามสไตล์ถนัด
Jennifer Garner ในบทแฟนของซอนนี่ รายนี้ดูน่ารักแบบสาวมั่นน่ะครับ คือตอนทำงานก็รู้จักแยกแยะเรื่องงานกับส่วนตัว แต่พอมีจังหวะพัก เธอก็จะให้กำลังใจคนรัก บางครั้งด้วยคำพูด และบางครั้งก็ด้วยการไม่พูดอะไรเลย
อีกรายที่ได้ใจเกินคาดคือ Terry Crews ที่ปีนั้นเราได้เห็นแกร่วมแก๊งกับพี่สไลใน The Expendables 3 แล้วก็ร้องเพลงขโมยซีนใน Blended กับเรื่องนี้เขารับบทเป็นพ่อของลูกที่กำลังลุ้นว่าตัวเองจะได้เข้าทีมไหม ยอมรับว่าฉากท้ายๆ ตอนเขารับโทรศัพท์จากโค้ชนั่นทำเอาน้ำตาซึมไปเลยครับ สรุปคือพี่แกเล่นได้ทั้งแอ็กชัน ฮา และดราม่าเลยนะเนี่ย
Chadwick Boseman ก็น่าจดจำครับ มาดออกแนวแบดๆ หน่อย แต่ก็แฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่น จริงๆ ต้องบอกว่าดาราน้อยใหญ่ในเรื่องผลัดกันขโมยซีนสนุกเลยครับ และดาราส่วนใหญ่ก็หน้าคุ้นกันทั้งสิ้น แค่เจอหน้าพวกเขาก็สนุกแล้วครับ
ช่วงแรกอาจเรื่อยๆ บ้างนะครับ แต่พอเราจับทางได้หนังจะเริ่มเพลินขึ้น และเรื่องราวขมวดในโค้งสุดท้ายก็เล่าได้มันส์สุดๆ คือมันลุ้นจริงๆ ครับว่าตกลงซอนนี่จะเอายังไง จะยอมแพ้โบกมืออำลาหรือจะเดินเกมอีท่าไหนเพื่อพลิกสถานการณ์ ซึ่งช่วงที่ว่านี่มันส์และลุ้นสุดๆ
ผมไม่ได้ตบมือด้วยอารมณ์ถูกใจระหว่างดูหนังมานานแล้ว แต่เรื่องทำให้ผมหัวเราะดังๆ และตบมือฉาดใหญ่ได้สำเร็จ ขอชมผู้กำกับ Ivan Reitman (Ghostbusters) เลยครับ คุมหนังได้ดีจริง ทุกอย่างพอเหมาะ ลงตัว น่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ ให้อารมณ์ลุ้นและสะใจได้แบบเต็มๆ
… ตอนนั้นก็ไม่นึกน่ะนะครับ ว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นงานกำกับชิ้นส่งท้ายของ Reitman พอมาดูอีกรอบหลังเขาจากไปแล้วก็รู้สึกคิดถึงเขาขึ้นมาเลย โดยส่วนตัวผมถือว่าเขาเป็นผู้กำกับที่เก่งมากคนหนึ่งครับ ทำหนังออกมาได้สนุกสนาน จะมากจะน้อยก็แล้วแต่กันไป แต่อย่างน้อยมันก็ต้องดูเพลินครับ ดูแล้วได้ความรู้สึกดีๆ ดูแล้วสนุก…
ขอบคุณมากครับ Ivan Reitman สำหรับผลงานสนุกๆ ที่ได้สร้างสรรค์ออกมา… ผมคงดูหนังที่เขาทำอีกหลายรอบไปจนตลอดชีวิตแน่นอนครับ โดยเฉพาะ GhostBusters 2 ภาคแรก, Dave
และสำหรับหนังเรื่องนี้ ผมถือเป็นงานส่งท้ายที่สมเกียรติครับ หนังสนุกครบรส มีทั้งดราม่า เบาสมอง มีความลุ้น และมีปมให้เราตามเรื่องไปตลอด… แน่นอนว่าผมต้องดูซ้ำอีกหลายรอบแน่ๆ
ขอแนะนำเรื่องนี้แบบเต็มที่ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณกำลังต้องการพลังล่ะก็ เรื่องนี้สร้างพลังให้คุณได้ครับ ผมเชื่อเช่นนั้น
เพราะหนังเรื่องนี้ก็ให้พลังกับผมทุกครั้งที่ดูเหมือนกัน
สามดาวครับ
(8/10)