Action

Wild Wild West (1999) ไวลด์ ไวลด์ เวสต์ คู่พิทักษ์ปราบอสูรเจ้าโลก

wild-wild-west1999

เป็นหนังอีกเรื่องที่โดนสับจากทั่วสารทิศตอนออกฉาย ส่วนผมนั้นจำได้ว่าตอนดูในโรงรอบแรก ผมรู้สึกโอเคนะครับ อาจเพราะได้ยินเสียงวิจารณ์สับหนังจนเละเป็นบะช่อ เลยพลอยทำใจล่วงหน้าได้แล้วว่าหนังมันคงไม่มีอะไรจริงๆ ครั้นพอดูก็เป็นไปตามคาด มันเลยไม่ผิดหวัง

แล้วพอหนังออกม้วนมาผมก็ยังเอามาดูซ้ำอีกนะครับ คือมันเพลินๆ เบาๆ ดูยามที่เราอยากนั่งดูอะไรสักอย่างแบบไม่ต้องใช้งานสมองให้มากมาย มันก็ให้ความบันเทิงได้อยู่

หนังรีเมคจากซีรี่ส์แนวสายลับยุค 60 (รุ่นไล่ๆ กับพวก Mission: Impossible น่ะครับ) เคยเข้ามาฉายช่องสี่บางขุนพรหมด้วยครับ ชื่อไทยว่า “สายลับลูกทุ่ง” ซึ่งซีรี่ส์นี้ก็ฮิตกันพอดู ก็ไม่น่าแปลกใจล่ะครับ เพราะมันสนุก และเป็นการ Mix ที่แปลกใหม่พอตัวสำหรับยุคนั้น นั่นคือเอาความเป็นสายลับไปใส่ลงในหนังแนวคาวบอย (ที่ใส่ชุดได้เนี๊ยบ บางครั้งถึงขั้นแต่งองค์ทรงเครื่องใหญ่ก่อนออกปฏิบัติการกันเลยก็มี) แล้วยังมีพวกสิ่งประดิษฐ์เทคโนโลยีใหม่ๆ ใส่ลงไปอีก และที่สำคัญคือทีมงานผสมผสานสิ่งเหล่านี้ได้ลงตัวมากๆ ครับ ดูแล้วไม่ข้ดตา แต่ดูแปลก สด ใหม่กำลังดีทีเดียว

ส่วนฉบับนี้ก็มาพร้อมโครงสร้างคล้ายต้นฉบับครับ ตัวเอกคือคู่หูสายลับ ผู้กองเจมส์ เวสต์ (Will Smith) จอมระห่ำประเภทยิงก่อนถามทีหลัง กับอาร์ตีมุส กอร์ดอน (Kevin Kline) นักประดิษฐ์และนักปลอมตัวที่ชอบใช้วิธีละมุนละม่อมในการแก้ปัญหา ส่วนวายร้ายประจำตอนก็คือ ดร. อาร์ลิส เลิฟเลซ (Kenneth Branagh) ที่มีแผนจะฮุบอเมริกาทั้งหมดด้วยแมงมุมยักษ์จักรกล

หลายอย่างดูเป็น The Wild Wild West แบบดั้งเดิมครับ ทั้งตัวละคร โครงหลัก และองค์ประกอบต่างๆ (อย่างตัวร้ายต้องดูเว่อร์ๆ ไฮเทคแบบล้นๆ อะไรอย่างนั้น) แต่จุดที่ต่างมากๆ คือ 2 สายลับของเราจะเท่ห์กว่านี้ ต้องดูองอาจมาดโคบาล เรียกว่าต้องประหนึ่งเจมส์ บอนด์บนหลังม้าเลยล่ะครับ จะไม่ดูต๊องหรือหลุดพร่ำเพรื่อ ในขณะที่โทนเรื่องของเก่าจะดูจริงจังนิดๆ แบบพอเหมาะ แต่ของใหม่นี่ดูทีเล่นทีจริงเกินไป บางช่วงก็ดูจริงแบบดราม่าไปเลย (เช่นปมเกี่ยวกับพ่อแม่ของเจมส์ เวสต์) แต่อีกหลายๆ ช่วงก็ดูเบาเกือบเป็นหนังการ์ตูนไปเลยก็มี

ดาราในเรื่องจริงๆ ก็เล่นได้ไม่เลวน่ะครับ Smith กับ Kline ก็ดูลื่นดีกับบทแบบนี้ แต่ปัญหาคือแม้พวกเขาจะเล่นได้ ทว่าบทโทนแบบนี้มันดูไม่เวิร์คเท่าไรกับหน้าหนัง ที่ควรจะดูจริงจังกว่านี้ ควรจะมีมิตรภาพระหว่าง 2 สายลับในระดับที่มากกว่านี้ ไม่งั้นหนังก็จะออกมาเบาๆ จับไม่ติดอย่างที่เป็นอยู่ เพราะดูจนจบแล้วก็ยังไม่รู้สึกว่า 2 คนนี้ทำงานร่วมกันได้ ส่วน Branagh ก็ดูบ้ากามบ้าอำนาจดีล่ะครับ หน้าตาก็ดูเหมาะ เพียงแต่ด้านความสามารถในการวางแผนจะยังไม่เด่นเท่าไร (ว่าง่ายๆ คือแผนแกใหญ่ แต่ยังไม่ฉลาดพอ) เลยทำให้เขายังไม่ถึงระดับวายร้ายที่น่าจดจำนัก

wild-wild-west-51d143eb8f18e

แต่รายที่เสียหายไปหลายก็คือ Salma Hayek ที่จะถือว่าเป็นนางเอกก็พอได้ แต่บทของเธอนั้นดูเบามากๆ ดูเปิ่นจนน่ารำคาญในบางวาระ อย่างตอนที่เธอกลัวจนลนจนทำให้ทุกคนโดนจับเป็นต้น และพอลองมาคิดอีกทีบทเธอก็ออกจะไม่สมเหตุผลอยู่เหมือนกัน เพราะเธอออกมาตามหาพ่อที่โดนจับตัวไป แสดงท่าทีว่าแกร่งและเก่งอยู่หลายที แต่บทจะเปิ๊บป๊าบก็เปิ๊บป๊าบจนงงว่าโทนแกร่งๆ ที่เห็นแรกๆ นั้นหายไปไหน

จริงๆ ก็ไม่ถึงกับเป็นงานที่น่าผิดหวังอะไรครับ ฝีมือของผู้กำกับ Barry Sonnenfeld มันก็พอสนุกนะ เพียงแต่โทนและจังหวะมันยังเขย่าไม่ค่อยเข้าที่เท่าไร ดูไปเลยเหมือนเบาๆ ถ้าหวังสาระหรือความพอเหมาะแบบ MIB ที่เขาเคยทำล่ะก็อาจไม่สมหวังครับ แต่ถ้าดูหนังบันเทิงล้วนๆ Effect เยอะๆ พร้อมอารมณ์ขัน ผมว่าเรื่องนี้ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายจนเกินไป

ในด้านรายได้หนังก็ติดตัวแดงขนาดใหญ่อยู่เหมือนกันครับ ลงทุนไป $170 ล้าน ได้คืนมา $222 ล้านจากทั่วโลก มิหนำซ้ำยังเข้าชิงรางวัลราสเบอรี่เน่าอีกต่างหาก เรียกว่าโดนกระหน่ำสับซ้ำไม่เลิกจริงๆ

แต่ถ้าท่านเป็นคนไม่คิดมาก ดูหนังเบาๆ ก็ได้ไม่เกี่ยง เรื่องนี้อาจพอทำให้ท่านเพลิดเพลินได้ครับ เพราะจริงๆ หนังมันทำออกมาเน้นบันเทิง ความยาวก็ไม่มาก อารมณ์ขันก็ใส่ลงมาเรื่อยๆ ให้พอกล้อมแกล้ม แต่ถ้าเลือกได้นะครับ ดู Men In Black จะสนุกกว่ากันมากครับ

และจุดที่ผมว่าเด่นจริงๆ ดีจริงๆ ของหนังก็คือเพลงครับ เพลง Wild Wild West นั่นถือว่าเป็นอะไรที่มันส์ จังหวะสนุกและติดหูสุดๆ จริงๆ ก็ถ้าจะมีอะไรที่ถือว่าประสบความสำเร็จเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ก็ยกให้เพลงนี่แหละครับ

สองดาวครับ

Star21

(6/10)