
Hitman’s Wife’s Bodyguard ถือเป็นภาคต่อภาคบังคับอีกเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นครับ หลังจากภาคแรกฮิตเกินคาด โกยทั่วโลกไป $176 ล้าน (จากทุนเพียง $30 ล้าน)
Hitman’s Wife’s Bodyguard ถือเป็นภาคต่อภาคบังคับอีกเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นครับ หลังจากภาคแรกฮิตเกินคาด โกยทั่วโลกไป $176 ล้าน (จากทุนเพียง $30 ล้าน)
Everly เหมือนจะเดินตามรอยหนังแอ็กชันเดี่ยวท้าลุยเมื่อปีกลายอย่าง Lucy และ John Wick แต่ก็ถือว่ามีความต่างกันพอสมควรระหว่างเรื่องนี้กับ 2 เรื่องนั้น
ภาคแรกดูแล้วว่านิ่ง ภาคนี้ดูแล้วนิ่งหนักกว่าเดิม
แรกเริ่มผมอยากดูหนังเรื่องนี้เพราะรู้สึกว่ามันน่าจะตอบโจทย์ที่อยู่ในใจผมครับ มันเป็นโจทย์แบบที่อาจเกิดกับคนมีอายุนิดๆ ได้ทุกเมื่อ
ลองว่าเป็นหนังแนวหลายเรื่องสั้น in 1 นี่ผมก็ต้องหาโอกาสดูเสมอครับ เพราะมันเข้าทาง ไม่ว่าจะแนวสยองหรือแนวดราม่า-ตลก-โรแมนติกก็ตาม เพราะหนังตอนสั้นแบบนี้ มันก็มีเสน่ห์ในแบบของมัน (แบบที่หนังยาวๆ บางทีก็ทำไม่ได้)
ได้ยินกิตติศัพท์ความแสบของการ์ตูนเรต R เรื่องนี้มานาน มาวันนี้สบโอกาสก็เลยจัดซะ พอดูแล้วก็เข้าใจเลยครับว่าทำไมเรตมันต้อง R ก็แต่ละมุกเล่นติดเรตใต้สะดือหรือไม่ก็ออกแนวโหดซะเต็มที่เสียขนาดนั้น
เป็นหนังอีกเรื่องที่โดนสับจากทั่วสารทิศตอนออกฉาย ส่วนผมนั้นจำได้ว่าตอนดูในโรงรอบแรก ผมรู้สึกโอเคนะครัย อาจเพราะได้ยินเสียงวิจารณ์สับหนังจนเละเป็นบะช่อ เลยพลอยทำใจล่วงหน้าได้แล้วว่าหนังมันคงไม่มีอะไรจริงๆ ครั้นพอดูก็เป็นไปตามคาด มันเลยไม่ผิดหวัง
ดอดจ์ (Stephen Baldwin) คือแฮคเกอร์มือดีที่โดนจับติดคุกอยู่ วันหนึ่งเขาเผอิญโดนจับล่ามโซ่คู่กับ ไพเพอร์ (Laurence Fishburne) อันธพาลผิวดำที่ดูเหมือนจะหงุดหงิดง่ายมากๆ แล้วจู่ๆ ก็มีการแหกคุกเกิดขึ้น พวกเขาเลยวิ่งหนีมาด้วยกันครับ ตอนแรกก็กะว่าถ้าแยกกันได้เมื่อไรก็จะทางใครทางมัน แต่แล้วไปๆ มาๆ พวกเขากลับต้องร่วมหัวจมท้ายผจญภัยหนีตายไปด้วยกัน
นี่ก็เป็นหนังที่ตอนเข้าโรงนี่ผมอยากดูมากเลยครับ เพราะหน้าหนังมันออกแนวมนุษย์ต่างดาวบุกโลกผสมกับแนววัยรุ่น ซึ่งถ้าทำออกมาดีๆ นี่สนุกสนานแน่นอน อย่างน้อยก็ดูเพลินล่ะครับ แล้วยังได้ Robert Rodriguez แห่ง El Mariachi, Desperado และ From Dusk Till Dawn มากำกับด้วย ก็น่าสนใจล่ะครับว่าหนังจะออกมาอีท่าไหน
หนังบู๊ฮาเอามันส์เรื่องนี้เหมาะแก่การดูแบบสบายๆ ไม่ต้องคิดมากครับ ดู 2 ดารานำจิกกัดกัดเป็นพักๆ ดูแอ็กชันที่แทรกมาเรื่อยๆ แม้จะไม่มีอะไรใหม่ และอาจทำให้นึกถึง Rush Hour และ The Other Guys แต่ก็ถือเป็นความบันเทิงที่ตอบโจทย์ดีครับ