Action

Mortal Kombat: Annihilation (1997) มอร์ทัล คอมแบท ศึกวันล้างโลก

MortalKombat201

เห็นทางที่จะทำเงิน ใครจะไม่เอา … โดยเฉพาะคนที่อยู่ในฮอลลีวู้ด

เป็นเหมือนสัจธรรมเลยนะครับ หนังภาคแรกได้เงินได้ทอง และมีแววสำหรับตอนต่อ ก็ทำๆ ออกมาซะ คนทำหนังตอนต่อมีอยู่สามประเภทครับ ประเภทแรกคือทำด้วยใจอันพองโต หมายมั่นจะหาสิ่งเยี่ยมๆ มาใส่ลงในตอนต่อ เพื่อให้ตอนต่อเชิดหน้าชูตาคนทำ อีกทั้งยังทำให้ภาคแรกมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น

อีกประเภทหนึ่งคือทำแบบตีหัวเข้าบ้าน สร้างๆๆๆ ให้มันเสร็จๆๆๆ หาเงินอีกอีกหนึ่งเฮือก แล้วค่อยไปทำอย่างอื่นต่อ หนังจะดีหรือไม่ว่ากันอีกที

ประเภทสุดท้ายคือ ตอนเริ่มคิดจะทำตอนต่อตั้งใจอย่างยิ่ง แต่พอทำๆ ไปไฟเริ่มมอด อันเนื่องมาจากทุนจำกัด อุปสรรคผุดเป็นดอกเห็ด และโดนความดีของภาคแรกค้ำคอจนเกิดแรงกดดัน หนังก็เลยเป๋เกเรเกตุงไปในที่สุด

Mortal Kombat: Annihilation ก็สร้างขึ้นโดยบุคคลสองประเภทหลังนี่แหละ

คนประเภททำเพื่อสร้างเงิน ตีหัวเข้าบ้านก็คือพวกผู้สร้างที่เห็นทางโกยเงินเลยทำๆ เพื่อเอาเงินเอาทองเข้าบริษัท เลยจ้างเอาผู้กำกับสักคนมารับงานไป หนังดีหรือไม่ก็ไม่เป็นไร ขอให้มีออกฉายเป็นพอ

ส่วนผู้กำกับที่มาทำคือ John R. Leonetti คนกำกับภาพหนังภาคแรก รายนี้ตอนก้าวเข้ามาไฟก็แรง เพราะเป็นงานกำกับชิ้นแรก แม้ทีมผู้สร้างตั้งใจทำไม่เต็มร้อย แต่เขาเต็มร้อยหมายมั่นสร้างชื่อในวงการกับเขาบ้าง

เรื่องราวภาคสองจับเอาฉากจบภาคแรกมาสานความต่อทันที หลังจากฝ่ายมนุษย์ชนะพ่อมดชางซุงไปได้ โลกควรจะสงบสุข แต่จู่ๆ ก็เกิดลมพายุดำขึ้น พวกปีศาจฝ่าย Outworld มากันเต็มไปหมด พร้อมด้วยหัวหน้าใหญ่ เชาคาน (Brian Thompson) จอมจักรพรรดิที่ยกทัพฉีกกฎ Mortal Kombat เพื่อครองโลกทั้งใบภายใน 7 วัน

แต่ฝ่ายมนุษย์ย่อมยอมไม่ได้ นำโดยลูเคง (Robin Shou), ซอนย่า เบลด (Sandra Hess), จอห์นนี่ เคจ (Chris Conrad) และ เจ้าหญิงคิทาน่า (Talisa Soto) เลยออกโรงต่อกรกับพวกเขาเชาคานในทันที แต่ฝีมือของเชาคานร้ายกาจจนพวกเขาไม่สามารถรับมือได้ ลอร์ด เรย์เดน (James Remar) เทพเจ้าสายฟ้าผู้คอยช่วยเหลือเหล่านักสู้ฝ่ายมนุษย์เลยจัดการพาทุกคนหนีออกมาเพื่อตั้งหลัก

ระหว่างนั้นเรย์เดนได้มอบหมายให้แต่ละคนแยกย้ายกันไปตามแผน เพื่อฝึกวิชาและหายอดฝีมือมาช่วยรบในศึกใหญ่ครั้งนี้ ลูเคงต้องเดินทางไปฝึกวิชากับไนท์วูลฟ์ (Litefoot) และได้เจอกับนักสู้สาวนามว่าเจด (Irina Pantaeva) ด้านซอนย่าก็พบกับแจ็กซ์ บริกก์ส (Lynn ‘Red’ Williams) อดีตคู่หูเพื่อนร่วมงานที่มาเสริมทัพโลกมนุษย์อีกแรง และเรย์เดนก็เดินทางไปหาเทพสูงสุดเพื่อหาทางใช้อำนาจของเทพมาสยบเชาคาน

แล้วมหาภัยครั้งนี้จะรอดพ้นไปได้อีกหรือไม่

MortalKombat202

บอกตามตรงว่าเนื้อหาหน้าด้านไม่ใช่เล่น ภาคที่แล้วบอกหยกๆ ว่าโลกจะปลอดภัยเมื่อมนุษย์ชนะศึก MK แต่ภาคนี้เปิดมาพวกเชาคานโผล่เฉยเลย ไหนล่ะกฎอ้ะ ขนาดลูเคงยังถามเรย์เดนเลยว่า “ไหนว่าการแข่งขัน MK ปิดประตูไปแล้วไง” เรย์เดนตอบกลับมาหน้าตาย “ปิดได้ก็เปิดได้” เออ เอากะพี่สิครับ

เอาเถอะ อย่างน้อยหนังก็พยายามอุดรอยรั่วสารพัด อย่างเรื่องกฎที่ว่าก็มีการวางพล็อตผูกเรื่องเหมือนการ์ตูนเลยครับ

ว่าตามจริง พล็อตก็มีความพยายามสูง และถ้าว่ากันเฉพาะพล็อตจริงๆ น่ะพอถูไถ แต่อย่างอื่นๆ ไม่ได้ช่วยสักเท่าไหร่

ดารานั้นโอเคล่ะครับ แม้ตัวละครหลักๆ หลายรายเปลี่ยนไปหมดแต่ก็ยังพอทำเนา แต่ที่รับไม่ใคร่จะได้คือ Effect ที่กระป๋องสุดขีด หลายฉากนี่ดูออกเลยว่าแมตช์ภาพเอา (เอาแค่ฉากแรกก็คนละเรื่องกับ Effect ภาคแรกแล้วล่ะครับ)

ที่น่าตำหนิอย่างแรงคือการเอาตัวละครในเกมมาปรากฎตัวแบบตัวประกอบชัดๆ!

ใครเคยเล่นเกมย่อมจำได้ ภาคนี้ตัวละครใหม่มาเยอะมากๆ ไม่ว่าจะไนท์วูลฟ์, เจด, ชีวา, ควีน ซินเดล, ไซแร็ก, ชินน็อก แต่ขอโทษครับ โผล่แต่ละรายนี่ตัวประกอบมากๆ โดยเฉพาะไนท์วูลฟ์ มาอย่างเท่ห์ แต่ดันมาแค่ 5 นาที … โธ่เว้ย

คิดในอีกแง่หนึ่งหนังคงพยายามยัดๆๆๆ เรื่อง ยัดๆๆ ตัวละครเอาใจคนดูให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ก็เลยขอวกกลับเข้ามาที่ผมเกริ่นไว้ว่า ผู้อำนวยการสร้างตั้งใจทำแบบฉายเอาเงินในฐานะภาคต่อ ไม่ได้หมายมั่นว่าจะต้องดี แต่ผู้กำกับ Leonetti ไม่อยากทำขอไปที อยากให้มันโอเคหน่อย เลยมีการพยายามผูกพล็อตกันเต็มที่

ทว่า อุปสรรคดันพรึ่บพรั่บไปหมดนี่สิครับ

ตั้งแต่ดาราที่เปลี่ยนตัวกันเยอะมาก บทเรย์เดนตอนแรก Christopher Lambert เจ้าเก่าอยากลับมาเล่นมาก แต่ดันติดสัญญาเล่น Beowulf ไว้ เลยต้องสละบทให้ Remar ที่เคยมาคัดเลือกบทจอห์นนี่ เคจมาแสดงแทน ซึ่ง Remar ก็แสดงได้ไม่เลวล่ะครับ แต่ยังไง Lambert ก็เหมาะกว่าอยู่ดี

รายต่อมาที่เปลี่ยนคือ สกอร์เปี้ยนที่ Chris Casamassa เจ้าของบทคนเดิมก็อยากกลับมาเล่นเหมือนกัน แต่ดันติดสัญญาไปเป็นสตันท์ให้หนัง Batman & Robin อีก

Michael Jai White ก็จะมาแสดงเป็นแจ็กซ์ให้ แต่ดันได้บทเป็นสปอว์นใน Spawn ไปเสียอีก

ส่วน Bridgette Wilson ก็ไม่คิดจะกลับมาเล่นเป็นซอนย่า อยู่แล้วเลยให้ Hess มาแสดงแทน

อุปสรรคด้านนักแสดงก็ทำให้ท้อหมดกำลังไปพอสมควร แต่ที่แย่กว่าคือผู้สร้างที่ไม่ได้คิดจะเพิ่มทุนให้เลย จำกัดงบเพื่อให้ได้เงินคืนมาเยอะๆ หนังเลยต้องตัดโน่นตัดนี่ (ส่วนหนึ่งที่ตัวละครทั้งหลายโผล่แบบกั๊กๆ ก็มาจากเหตุประหยัดงบนี่เอง) พล็อตเลยออกจะครึ่งๆ กลางๆ เหมือนจะยิ่งใหญ่แต่ก็ไม่ เหมือนจะกระจอกแต่ก็เปล่า เหมือนจะมีเนื้อเรื่อง แต่ตอนท้ายลงเอยที่เล่นลูกมั่วเป็นสรณะ

MK ภาคนี้เลยออกไปทางร้ายมากกว่าดี เพราะดันมีบทที่พยายามสร้างความยิ่งใหญ่ แต่งบไม่มี จะเนรมิตก็ไม่ได้

Leonetti เลยปลง เอาไงก็เอาวะ ทำได้แค่ไหนก็เอามันแค่นั้น แล้วผลก็เลยออกมางั้นๆ ห่างชั้นจากภาคแรกหลายช่วงตัว

ส่วนกระผมในฐานะคนดู ก็โอเคกับหนังนะครับ มันตีกันบ้าบอไปเรื่อย ไม่มีสาระ ไม่มีอะไรประทับใจเลย คือดูแบบพักสมองเต็มที่ เลยไปนั่งฮาซะมากกว่า

โอเคเพราะจิตว่างไปแล้วนั่นเอง

ก็ถ้าท่านพิสมัยหนังอัดกันอย่างเดียวก็ไม่มีปํญหาครับ น่าจะดูแบบผ่านมาผ่านไปได้นะ ทำใจเป็นเด็กดูแบบเอิ้กอ้ากอีกรอบ

แต่หากท่านจะดูเป็นเรื่องเป็นราวเห็นทีคงผิดหวังไม่ใช่น้อย และอย่าไปเทียบกับภาคแรกเลยครับ

สำหรับผม ภาคแรกดีกว่า แต่ถ้าเทียบจากความสร้างสรรค์ภาคนี้มีอะไรเยอะนะครับ มีลูกเล่นเพียบ แต่หนังดันมีงบจำกัดหนังเลยเต็มไปด้วยส่วนเกินส่วนขาดแทน น่าเสียดายเหมือนกัน – ส่วนในแง่รายได้ถือว่าไม่เข้าเป้าครับ หนังทำเงินทั่วโลกไปเพียง $51 ล้าน น้อยกว่าภาคแรกอย่างยิ่ง ส่วนทุนน่ะอยู่ที่ $30 ล้าน หักกลบลบแล้วก็ยังไม่คุ้มทุน

ต้องดูแบบไม่คิดมากอย่างแรงน่ะแหละ ถึงจะพอทำใจได้

ดาวครึ่งครับ

Star12

(5/10)