Adventure

Kubo and the Two Strings (2016) คูโบ้และพิณมหัศจรรย์

15542406_1422077307823066_7186588346699331621_n

แอนิเมชั่นที่ได้รับการพูดถึงมากอีกเรื่องหนึ่งของปีนี้ครับ ซึ่งพอได้ชมแล้วก็ขอเป็นอีกหนึ่งเสียงยืนยันว่าของเขาดีจริง สนุกจริง ดูเพลินและเปี่ยมจินตนาการจริง

เรื่องราวแนวแฟนตาซีครับ ตัวเอกคือคูโบ้ เด็กชายตาเดียวที่อยู่กับแม่ ซึ่งแม่ของเขานั้นก็ดูจะมีความทุกข์อัดแน่นในจิตใจ แต่คูโบ้ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขารู้เพียงว่าแม่จะเล่านิทานเรื่องตำนานนักรบผู้กล้าให้เขาฟังบ่อยๆ

และที่สำคัญคือ แม่เขาย้ำเตือนตลอดว่าห้ามอยู่ข้างนอกในยามกลางคืนเด็ดขาด แต่เราก็คงพอเดาได้น่ะนะครับว่ามันต้องมีอยู่วันหนึ่งที่เขาอยู่นอกบ้านในตอนกลางคืน และนั่นล่ะครับคือจุดเริ่มการผจญภัยของคูโบ้

เรื่องนี้นี่ถือว่าทำออกมารำลึกถึงตำนานการผจญภัยแบบญี่ปุ่นครับแบบพวกโมโมทาโร่อะไรแบบนั้น ตัวเอกคือเด็กที่มีความพิเศษ โดยจะมีสิงสาราสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติคอยติดตามไปปฏิบัติภารกิจด้วย

ส่วนผมนอกจากนึกถึงญี่ปุ่นแล้ว ก็จะนึกไปถึงหนังแนวผจญภัยของไต้หวันที่หลินเสี่ยวโหลวนำแสดง อย่างเช่น เทวดาท้าสู้, ท้อไม่ท้อของเป็นซาเซียน อะไรเหล่านี้น่ะครับ (ซึ่งจริงๆ ก็ดัดแปลงมาจากโมโมทาโร่นั่นแหละ) สไตล์มาทางเดียวกันเลย

ดังนั้นในเบื้องต้น ผมว่าใครชอบแอนิเมชั่นแบบผจญภัยปราบมารก็น่าจะเพลินกับเรื่องนี้น่ะครับ เพราะทำออกมาได้สนุกดี อาจมีบ้างบางช่วงที่เดินเรื่อยเอื่อย แต่ไม่มากครับ ส่วนมากจะน่าติดตามและมีลูกเล่นมาดึงความสนใจเราได้ตลอด

งานภาพถือว่าสวยครับ อาจจะไม่สวยแบบ Song of the Sea แต่ด้วยธีมที่ทำให้เหมือนเป็น “เรื่องเล่าจากโลกของตุ๊กตากระดาษ” ดังนั้นลักษณะองค์ประกอบต่างๆ ในเรื่องเลยจะไม่พริ้วซะทีเดียว แต่จะมีเหลี่ยมมีมุม (แบบตุ๊กตากระดาษ) ซึ่งก็ดูเจ๋งไปอีกแบบครับ

แต่ที่ผมชอบมากๆ จริงๆ คือจินตนาการครับ หนังอุดมด้วยจินตนาการมากๆ ทั้งในส่วนของเรื่องราวและงานภาพ เช่น หากว่าถึงงานภาพ มีหลายฉากเลยครับที่ออกแบบได้สวย แม้องค์ประกอบของฉากนั้นจะไม่ซับซ้อน แต่มันดูพอดีอย่างไม่นาเชื่อ (เขาอีหรอบ Less is More น่ะครับ)

kubo-and-the-two-strings-screenshot-5-1200x675

หรือบางฉากเราจะได้เห็นองค์ประกอบในฉากเปลี่ยน เช่นพอมีใครสักคนเล่าเรื่องแล้ว ภาพด้านข้างๆ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป เหมือนเป็นการสลับฉาก ซึ่งรายละเอียดในการสลับฉากของแต่ละช่วงทำออกมาได้ตื่นตาน่าดูชมทีเดียว

ส่วนในแง่ของเรื่องราวแล้ว ผมชื่นชมทีมงานเลยครับ เพราะหลายรายละเอียดมันทำให้เห็นเลยว่าพวกเขาใช้พลังจินตนาการเยอะมาก โอเคครับ ในส่วนของเนื้อเรื่องเราอาจไม่แปลกใจ เพราะส่วนใหญ่ก็จะใช้ตามขนบของตำนานญี่ปุ่น แต่ในส่วนของรายละเอียดฉากนี่แหละที่ผมประทับใจ

อย่างเวลาตัวละครเล่นซามิเซ็งนี่อยากให้จับตาเลยครับ เพราะอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ในฉากนั้น (ที่ผมชอบสุดคือตอนสร้างเรือนี่แหละ เป็นอะไรที่ดูง่าย Simple แต่เจ๋งดีจริงๆ) หรือฉากเอา “ดาบที่ไม่มีวันหัก” ก็ทำออกมาได้ตื่นเต้นดีครับ ผมชอบตรงขนบต่างๆ ที่เขาใส่ลงไปในฉากนั้น เช่น ตอนแรกเหมือนจะดึงได้ง่ายๆ แต่เอาเข้าจริงยังมีโจทย์ยากรออยู่ หรือพอดึงดาบออกมาแล้วส่งผลต่อปีศาจกระดูกนั่นยังไงต่อ มันเป็นรายละเอียดที่ต้องผ่านการคิดน่ะครับ ซึ่งผลที่ได้ออกมาก็น่าปรบมือมาก

โดยรวมแล้วไม่อยากให้พลาดกันครับ ยิ่งใครชอบหนังผจญภัยรุ่น 20 – 30 ปีก่อนที่ไต้หวันชอบทำออกมาให้เราดู (นี่ผมนึกถึงซีรี่ส์ ถล่มวังนกยูงทอง” ขึ้นมาอีกอันนะ ไม่รู้ยังมีคนจำได้อีกไหม) ผมเชื่อว่าดูแล้วนอกจากสนุกแล้ว จะยังได้รำลึกอารมณ์เก่าๆ ยามเรายังเด็ก (หรือหนุ่มสาว) ด้วย

ย้ำอีกที เรื่องนี้มีดีน่าดูครับ

สามดาวครึ่งครับ

Star32

(8.5/10)