ปีก่อนมีหนังว่าดวยชื่อ Wolf เข้าบ้านเราสองเรื่อง อันหนึ่งคือ Cry_Wolf เรื่องนี้ อีกหนึ่งก็คือ Wolf Creek ก็เอามานั่งไล่ดูทีละอันนะครับ ดูอันนี้ก่อนก็ขอว่าก่อนเลยตามระเบียบ
เปิดมาก็ตามแบบพิมพ์นิยมครับ หญิงสาวคนหนึ่งโดนไล่ล่าในป่า ก่อนจะจบฉากด้วยเสียงปืน แล้วก็ตัดมาเหตุการณ์หลังจากนั้น ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง มีพ่อหนุ่มหน้ามนที่โดนย้ายมาจากหลายโรงเรียนเพิ่งเข้ามาใหม่ เขาชื่อ โอเว่น (Julian Morris) และเขาก็ได้พบกับสาวน้อยนามด็อจเจอร์ (Lindy Booth) ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าโรงเรียนมา ไม่นานเขาก็ถูกลากเข้ากลุ่มประหลาด ที่ชอบนัดกันในยามค่ำ เพื่อเล่นเกมหาหมาป่า ท่ามกลางลูกแกะ หรือถ้าว่าง่ายๆ คือใช้จิตวิทยาของแต่ละคนบีบให้คนอื่นๆ ออกไปจนเหลือคนสุดท้ายก็เป็นคนชนะอะไรทำนองนั้นแหละครับ
แต่แล้วเมื่อมีข่าวว่านักเรียนหญิงคนหนึ่งถูกฆ่าตาย ด็อจเจอร์กับโอเว่น เลยลองเอาเกมหมาป่าใช้ในโรงเรียนซะเลย โดยการกุข่าวปั้นเรื่องสารพัดเพื่อสร้างกระแสเรื่องนี้ แต่แล้วการสร้างกระแสเริ่มกลายเป็นความสยอง เมื่อดูเหมือนจะมีใครสักคนเอาจริงกับเกมที่ว่า เริ่มทำการคุกคามโอเว่นมากขึ้นเรื่อยๆ ซ้ำยังเหมือนกับฆาตกรกำลังไล่ล่าอีก การสืบหาความจริงเพื่อเอาชีวิตรอดจึงเริ่มต้น
คือ … ไม่รู้ใครเป็นบ้างแต่ผมเดาเรื่องได้แต่แรกเลยอ้ะครับ รู้เลยว่าพอมีการวางเกมแบบนี้มันต้องเกิดจากฝีมือใครสักคนแน่ๆ แล้วพอดูๆ ไปก็เริ่มเข้าทางตามที่คาดเรื่อยๆ
อันนี้เป็นทุกข์ของคนดูหนังแนวนี้มาเยอะครับ เลยอดจะเดาไม่ได้ แต่บางเรื่องถ้ามันเข้าท่าจริงต่อให้เราเดาได้ก็ยังสามารถดูไปสนุกไปได้เหมือนกัน เช่น The Crimson Rivers หรือ Resurrection ที่ว่าด้วยหนังฆาตกรต่อเนื่องเหมือนกัน ซึ่งอย่างน้อยก็มีฉากบรรยากาศที่ชวนผวา แต่ในเรื่องนี้ไม่ค่อยครับ ความผวาน้อย ความน่ากลัวไม่มาก ความแหวะก็ไม่ค่อยมี ดูแล้วพาลจะเฉยมากๆ ในฐานะหนังสยองน่ะนะครับ มันไม่ใคร่จะตื่นเต้นเท่าไหร่ หรือแม้แต่ช่วงท้ายการเปิดปมก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายแม้แต่น้อย เพราะผู้อยู่เบื้องหลัง (เป็นใครไม่บอก) เรื่องทั้งหมด ถ้าท่านสังเกตดีๆ หรือต่อให้ไม่สังเกตเลยก็จะพบว่าคุณคนนี้มีท่าทีน่าสงสัยแต่เริ่ม และน่าสงสัยที่สุดมาตลอด
ถ้าจะหลอกก็น่าจะให้มันเนียนกว่านี้หน่อยเน้อ
เอาเถอะครับ แม้จะหลอกไม่เนียน และความสยองจะไม่ได้มากมายเท่าใดนักแต่ประเด็นที่หนังเอามาเล่นก็นับว่าน่าพูดถึงครับ เพราะมันมีการจับเอาเรื่องของข่าวลือมาเล่นไงครับ ตามปกติในโรงเรียนไฮสคูลเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนะครับ ว่าจะต้องมีข่าวลือเกี่ยวกับคนโน้นคนนี้เกิดขึ้นเสมอ เช่นหญิงคนนั้นชอบทำอะไรกับผู้ชายไปทั่ว หรือไม่ก็ชายคนนี้โรคจิตชอบสะสมของแปลกๆ อะไรเหล่านี้เป็นเหมือนวัฒนธรรมหนึ่งของสังคมวัยรุ่นในมะกัน (และระยะหลังๆ บ้านเราก็เริ่มตามเขามาติดๆ) ซึ่งหากมีคนหัวใสจับจุดพวกนี้ได้ดีเสียหน่อย ก็จะสามารถทำประโยชน์ได้มากมาย เช่นสร้างชื่อให้ตนเอง หรือสร้างค่านิยมที่ดีๆ แต่ขณะเดียวกัน เกือบทุกคนมักจะจับจุดไปใช้เล่นสนุกด้วยความคึกคะนองครับ จนทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายอย่างที่เกิดในเรื่องนี้แหละ
ผมมองว่า ทุกสิ่งทุกอย่างทุกทิศทางในสังคมมันมี Trick หรือ เทคนิคเคล็ดลับซ่อนอยู่เสมอ ใครจับจุดได้ก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าคนจับจุดจะเอาเคล็ดลับนั้นมาทำอะไร เหมือนดาบสองคมครับ ให้ได้ทั้งคุณและโทษ ซึ่งสำหรับผู้ใหญ่หากทำดีก็โอเค แต่หากเอาเทคนิคหรือช่องโหว่อะไรบางอย่างในสังคมไปทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเองเพียงอย่างเดียวมันก็น่าประนามอยู่พอตัว
มันไม่ได้อยู่ที่ว่าทำไม่ดีมากหรือน้อย เพราะลองว่าเป็นสิ่งไม่ดี มันก็คือทำไม่ดีอยู่วันยันคำ จะมาอ้างว่าทำไม่ดีแค่นิดหน่อยไม่เป็นไรมั้ง มันก็ไม่ได้ล่ะครับ
ส่วนในกรณีวัยรุ่นในเรื่องก็ทำไปด้วยความเมามันส์ นึกสนุกด้วยส่วนหนึ่ง อีแบบนี้เข้าข่ายรู้เท่าไม่ถึงการณ์โดยแท้ อันนี้นอกจากตัวเด็กเองต้องรับผิดชอบแล้ว ผู้ใหญ่รอบตัวก็ต้องรับผิดชอบด้วยล่ะครับ
ประเด็นหนึ่งที่หนังสื่อออกมาอย่างหลวมๆ แต่ตรงไปตรงมาดี คือพ่อของโอเว่นที่ไม่เคยรับโทรศัพท์ลูกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ลูกโทรมาด้วยความเครียดไม่รู้จะปรึกษาใคร แตก่ไม่รับเพราะธุรกิจต้องมาก่อน แล้วเป็นไงล่ะครับ โอเว่นเลยต้องมาเจอเรื่องนรกแบบนี้เพราะไม่มีผู้ใหญ่ชี้ทาง จริงๆ โอเว่นเป็นเด็กฉลาดนะครับ แต่เพราะไม่มีคนแนะนำให้ถูกทาง พี่แกเลยเอาสมองมาใช้ในการเล่นอย่างคึกคะนองแทน นี่ถ้าโอเว่นแกมีคนนำทางดีๆ หนังอาจเปลี่ยนโทนไปเป็นการสืบหาฆาตกรสไตล์โคนันไปเลยก็ได้นะเนี่ย
แต่ก็นั่นแหละ ทิศทางและบทหนังมันเกิดโดยคนเขียนต่างหาก ซึ่งเจตนาของเขาผมก็ไม่อาจทราบนะ แต่ถ้าจะทำหนังสยองให้คนดูขวัญผวา ก็แค่พอไหว คนขวัญอ่อนอาจสะดุ้งบ้าง แต่คนขวัญแข็งอย่างผมนี่นิ่งแน่ๆ ดีที่มันมีกำไรคิดไปพอตัว เลยพอจะเรื่อยๆ กับหนังไปได้
แต่ถ้าถอดสาระออก หนังก็เป็นแนวฆาตกรรมวัยรุ่นอีกหนึ่งเรื่องที่ดุก็ได้ ไม่ดูก็ไม่มีปัญหา
สองดาวครับ
(6/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Horror, Slasher Movies, Thrillers