
ผมไม่ถึงกับเป็นแฟนเกมนี้นะครับ แค่พอเล่นบ้าง แต่ก็ชอบครับสนุกดี มืดทึมดี พอ Doom สร้างเป็นหนังก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรครับ ดูก็ได้ ไม่ดูก็ไม่เป็นไร ไม่ได้หวังอะไรนัก จนพอมาได้ดูจริงๆ แล้ว ก็รพบว่าหนังดูเอามันส์ได้ไม่เลว 
แพทเทิร์นเดิมเลยครับ ตอนแรกเฉยๆ ไม่คาดหวัง แล้วก็ยังได้ยินกระแสคนบ่นอีกต่างหาก เลยดูแบบขำๆ ผลออกมาผมก็ว่ามันไม่เลวครับ การเดินเรื่องถือว่าไวดี ตอนต้นก็มีความสยองเรียกน้ำย่อย ตามด้วยการเปิดตัวทีมทหารที่โดนว่าจ้างมาแก้ไขสถานการณ์ นำทีมโดย ซาร์จ (Dwayne Johnson) จากนั้นพวกเขาก็มาถึงดาวอังคาร ตอนแรกก็เป็นการตรวจตราสถานที่ ซึ่งก็เป็นการแนะนำตัวละครไปในตัวครับ อย่าง จอห์น กริมม์ (Karl Urban) มือขวาของซาร์จ ที่มาพบพี่สาวของตัวเองบนดาวนี้ (Rosamund Pike) อีกรายที่เด่นก็คือพอร์ตแมน (Richard Brake) นายทหารจอมซ่าที่เห็นแก่ตัวสุดๆ แล้วก็ เดอะ คิด (Al Weaver) เด็กใหม่ที่มางานนี้เป็นครั้งแรก
ระหว่างนี้ผมว่าไม่น่าเบื่อเท่าไหร่ครับ เพราะมันมีบทสนทนาที่แสดงบุคลิกของแต่ละตัวละครได้ดี ฉากก็ดูอึดอัดคับแคบอีกต่างหาก แล้วยังมีฉากสยองมาแทรกเป็นพักๆ… ไม่รู้สิครับ แม้ดูก็รู้ว่ามันเป็นฉาก แต่มันให้อารมณ์ว่าที่นี่กำลังมีอะไรบางอย่างผิดปกติ นั่นเลยทำให้หนังดูน่าติดตามขึ้น แล้วจากนั้นหนังก็ค่อยๆ เผยปมว่าตัวประหลาดพวกนี้มาจากไหน มีฉากสยองแทรกเข้ามา มีแอ๊คชั่นกระหน่ำเข้ามาจนจบเรื่อง
สำหรับผมถือว่าสนุกดูเพลินครับ ถือเป็นงานกำกับที่เข้าท่าของ Andrzej Bartkowiak เจ้าของผลงานอย่าง Romeo Must Die, Exit Wounds แล้วก็ Cradle 2 the Grave ซึ่งจริงๆ ถือว่ามาทางเดียวกันคือไม่เน้นเนื้อหาอะไรมาก แต่เน้นเอามันส์เข้าว่า ซึ่งก็พอตอบโจทย์ได้อยู่
หนังมันต่อเนื่องและเดินเรื่องแบบเร้าใจครับ ส่วนเรื่องที่ผมเคยหงุดหงิดอย่าง “อย่าไปคนเดียวนะเฮ็ย เดี๋ยวจะตายเอาได้นา” ก็มีบ้างในตอนต้น แต่พอดูๆ ไปก็เข้าใจน่ะครับว่ามันเป็นแผนการรบของทีมนี้เขา ซึ่งไม่เถียงเลยครับว่าเป็นทีมที่เก่งนะ ทุกคนมีฝีมือทั้งนั้น สามารถลุยเดี่ยวได้สบายๆ เพียงแต่ดันมาเจอกับตัวประหลาดสุดโหดเข้าก็เลยมีตายกันไป ซึ่งดูแล้วไม่ค่อยหงุดหงิดเท่าไร ไม่เหมือนหนังไล่เชือดวัยรุ่นที่บางทีรู้ทั้งรู้ว่ามีฆาตกรเพ่นพ่านอยู่แต่ก็ยังอุตส่าห์เดินไปคนเดียวซะอีก – อีกอย่างในเรื่องทีมนี้ก็ไม่รู้ด้วยน่ะครับว่าจะมาเจอตัวบ้าอะไรพรรค์นี้

The Rock ถือว่าคิดถูกกับการมารับบทซาร์จครับ ตอนแรกเขาได้รับการติดต่อให้มาเล่นเป็นจอห์น กริมม์ แต่เขาเองที่เลือกจะเล่นบทนี้ เพราะมันน่าสนใจมากกว่า ซึ่งเขานั้นก็เหมาะดีกับบทผู้นำที่ดูบ้าอำนาจ และบ้าเลือด ช่วงท้ายนี่ยิ่งเหมาะไปกันใหญ่ แววตาแสดงความโหดออกมาได้แบบเต็มๆ ประมาณว่าไม่ปราณีใครแล้ว หนังดูลุ้นขึ้นก็เพราะเขานี่แหละ ส่วน Urban ในบทกริมม์ก็ดูเหมาะครับ แม้หน้าจะดูร้ายๆ แต่แววตาค่อนข้างซื่อนะ แล้วยังแสดงเข้าคู่ได้ดีกับ Pike ด้วย ส่วนรายหลังนี่ก็สวยกันไปครับ ผมว่าเธอสวยมากนะครับ หน้าตาดูน่ารักและดูแกร่งในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ดารารายอื่นที่มาเล่นก็ถือว่าดีหมด Brake ก็นับว่าเหมาะกับบททหารเห็นแก่ตัวครับ ชั่วร้ายได้น่ารังเกียจดี Dexter Fletcher ที่มารับบทพิ้งค์กี้ ชายบนรถเข็นนั่นก็เป็นสีสันได้ไม่เลวครับ แล้วใครจะรู้ล่ะครับว่าอีกสิบกว่าปีต่อมาเขาจะผันตัวมาเป็นผู้กำกับหนังดีๆ อย่าง Eddie the Eagle และ Rocketman
งานด้านภาพนั้นก็มืดพอได้ มุมกล้องก็ไม่เลว แต่ทีเด็ดจะมาอยู่ตรงฉากไคลแม็กซ์ที่ถ่ายทำเหมือนเราเล่นเกมน่ะครับ เป็น First Person Shooting ซึ่งถ่ายออกมาได้ดีเลยล่ะครับ มันส์และลุ้นพอดู ว่ากันว่าทีมงานใช้เวลาในการถ่ายทำฉากนี้กว่า 14 วันทีเดียว
สำหรับผม นี่เป็นหนังแอ๊คชั่นที่ดูเอามันส์ครับ สนุกกว่าที่คาด (อาจเพราะผมไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว) ยิงกันไปเรื่อยๆ ช่วงท้ายก็มีอะไรให้สลดอยู่เหมือนกัน เมื่อเรื่องเลวร้ายมันเกินความควบคุม ซึ่งก็ทำให้หนังลุ้นเพิ่มขึ้นอีกพอตัว
ถ้าท่านชอบ Resident Evil ผมว่าเรื่องนี้ไม่เลวครับ อาจสนุกไม่เท่าแต่ก็พอได้ พวกฉากอย่างตอนพระเอกวิ่งกรูกันไปตามห้องโถงนี่มันให้อารมณ์ผวาดียังไงก็ไม่ทราบ เพราะฉากแรกๆ ตรงห้องโถงที่ว่านั่นเราจะได้เห็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่เดินกันมากมาย แต่พอมาตอนท้าย ตอนพวกพระเอกวิ่งกลับมา กลับแทบไม่เจอร่องรอยของชีวิตแล้ว มันให้ความรู้สึกสยองจริงๆ ครับ
ถือว่าสนุก มันส์ได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมากครับ – ถ้าอยากดูหนังบู๊ปนสยองมันส์ๆ ผมว่าเรื่องนี้ก็น่าลองอยู่ครับ
สองดาวกว่าครับ

(6.5/10)
หมวดหมู่:Action, Horror, Monster Horror, Monster Movies, Movie Reviews, Sci-Fi, Supernatural Horror










