ภาคที่แล้วพี่เจสันแกโดนปราบที่แมนฮัตตันนะครับ แต่ภาคนี้พี่ท่านยังสามารถคืนชีพและเดินกลับมาคริสตัลเลคได้ (อะไรจะมีสำนึกรักบ้านเกิดได้ขนาดนั้น 555)

พี่แกยังเหมือนเคยครับ ไล่ฆ่าคนเป็นงานอดิเรก แต่งานนี้พี่เขาโดนเก็บตั้งแต่ต้นเรื่อง โดนหน่วยสวาททั้งกองมาระเบิดจนพี่เจสันแกเละเป็นจุลมหาจุล แต่แล้วก็ … ปรากฏว่าพี่เจสันแกดันยังไม่ตายอีก!

หนังเล่าประมาณว่าพี่เจสันแกกลายเป็นตัวอะไรซักอย่างที่สามารถย้ายร่างไปสิงสู่ร่างใหม่ได้ (แล้วพี่เจสันก็เปลี่ยนจากแฟรงเกนสไตน์กลายเป็นผีปอบแล้วครับ มีย้ายร่างได้อีกนะ… มันจะหน้าด้านเกินไปแล้วนะครับ )

และวิธีเดียวที่จะปราบเจสันได้คือ ต้องเอากระบี่วิเศษมาแทงมัน โดยต้องให้ลูกหลานตระกูลวอร์ฮีส์ (ตระกูลของเจสัน) แทงเท่านั้นมันจึงจะได้ผล (เฮ้ยยยยยยยย )

เฮ่อ ครับ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หนังไม่รู้ไปลู่ไหนแล้วครับ กลายเป็นอภินิหารปราบมารไปซะแหล๋ว เนื้อเรื่องมันออกจะหน้าด้านมากครับอันนี้ขอบ่นเลย แม้การฆ่าภาคนี้จะโหดมากก็ตาม ถึงกระนั้นหนังก็ไม่มีอะไรจะให้กล่าวถึงแล้ว ดูแล้วผิดหวังครับ ฮามากกว่า ดูไปฮาตลอด (ประมาณว่าผมคงบ้าไปแล้วล่ะครับ เอิ้ก เอิ้ก)

ผมว่าหนังมันหลุดมากไปนะ จากเดิมแนวฆาตกรไล่เชือด กลายมาเป็นแนวปีศาจเอาดื้อๆ จริงๆ ก็พอเข้าใจครับว่าหนังพยายามสร้างเรื่องต่อและตามที่เราเห็นพี่เจสันแกก็หลุดจากคนไปแล้ว แต่วิธีการปราบมันออกจะหนังจีนเกินไปนะครับ นี่ดีไม่เชิญอาจารย์ผีกัดหลินเจิ้นอิงตามไปปราบด้วยนะนั่น

การที่หนังเรื่องนี้ถือกำเนิดออกมาได้ก็เพราะ หลังจากภาค 8 ของหนังไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ Paramount ก็เลยเพิกเฉยต่อหนังชุดนี้ครับ (จริงๆ การที่หนังดับก็เพราะที่นี่ตัดงบนั่นแหละ) แล้วก็มีการขายสิทธิ์หนังชุดนี้ไป และผู้ที่ซื้อต่อก็ไม่ใช่ใครครับ คือ New Line Cinema เจ้าของหนังชุดพี่เฟรดดี้นั่นเอง (อ้า ในที่สุดก็ได้อยู่บ้านหลังเดียวกันซะที)

และพล็อตแรกเริ่มของหนังก็คือ Jason Goes To L.A. (เอาอีกแล้ว ) เนื้อเรื่องมันประมาณว่ามีแก๊งวัยรุ่นสองแก๊งค์กำลังทำสงครามกันน่ะครับ แล้วพี่เจสันดันเดินผ่านไปแถวนั้นพอดีเลยแวะเที่ยวฆ่าคนซักหน่อยพอหอมปากหอมคอ จนสองแก๊งค์นี่รู้ความจริง เลยตัดสินใจมาจับมือกันเล่นงานเจสัน

แต่แล้วเอาเข้าจริงๆ Sean S. Cunningham ผู้สร้างและกำกับหนังศุกร์ 13 ภาคแรกก็เกิดไอเดียจะจบเรื่องศุกร์ 13 นี้ซะ เลยตัดสินใจทำเป็นตอนสุดท้ายซะเลย (แต่ไม่จริงครับ มันยังมีภาคต่ออีก)

ผมว่าจุดที่หนังภาคนี้อ่อนด้อยลง (จริงๆ มันอ่อนลงมาตั้งแต่ภาค 5 แล้วล่ะครับ) ก็เนื่องมาจากทีมผู้สร้างขยันสร้างความน่ากลัวทางด้านภาพมากกว่าจะมาเน้นเรื่องอารมณ์ครับ อย่างภาคแรกๆ หรือหนังสยองขวัญเจ๋งๆ เขามักจะทำให้เรา “รู้สึก” สยองและน่ากลัว ซึ่งการเล่นกับความรู้สึกนั้น มันจะทำให้เราสยองได้มากกว่าครับ เพราะการสร้างความสยองทางด้านภาพนั้น ถ้าลองว่าเราเห็นมากๆ มันก็จะเริ่มชินและไม่ได้รู้สึกน่ากลัวอะไรมาก อย่างผมเงี้ยครับ ตอนเด็กๆ อาจกลัวนะ แต่พอเห็นมากๆ ดูหนังสยองเยอะๆ พวกฉากเลือดๆ ก็เลยชินไปโดยปริยาย (อันนี้ผมว่าเรื่องที่เด็กดูหนังโหดๆ มากๆ แล้วซึมซัมความโหดนี่ เป็นไปได้นะครับ และอาจะเป็นไปโดยเด็กไม่รู้ตัวด้วย)

แต่หนังสยองดีๆ เขาจะทำให้คนดู “รู้สึก” สยองครับ แบบนั้นต่อให้ชินกับภาพสยองแต่เราก็ยังสัมผัสถึงอารมณ์สยองได้ แต่การจะทำให้คนรู้สึกสยองนั้นไม่ใช่ของง่ายครับ หนังส่วนมาก (รวมถึงเรื่องนี้) เลยมักสร้างความสยองทางภาพ ให้เรา “เห็น” ว่ามันสยองมากกว่า

ดังนั้นแม้หนังจะแหวะมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่เล่นกันการสร้างอารมณ์ให้คนกลัวแบบจริงๆ แล้วล่ะก็ ถ้าคนที่ดูหนังแนวนี้มามากๆ มันก็ไม่ค่อยสะดุ้งสะเทือนอะไรหรอกนะครับ แต่ถ้าขวัญอ่อนหน่อยก็คงกลัวบ้าง

จริงๆ ตอนหนังภาคนี้ทำออกมานั้น ที่อเมริกาเขาจะมีฉบับคอมมิคทำออกมาเพื่อเล่าเรื่องหลังจากภาค 8 เพื่อจะได้มาต่อในภาค 9 นี้ครับ ประมาณว่าตอนภาค 8 แม้พี่เจสันจะโดนเล่นงานแล้ว แต่เขาก็ยังสามารถคืนชีพกลับมา แล้วก็ลงมือสังหารคนอีก เรียกว่าระหว่างทางที่เขาเดินทางกลับมายังคริสตัล เลคนี่เต็มไปด้วยศพน่ะครับ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไม FBI ถึงต้องตามมาถล่มเจสันขนาดนั้น (เพราะพี่แกกลายเป็นบุคคลที่ FBI ต้องการตัวที่สุดไปแล้วน่ะครับ 555)

เอาเป็นว่าหนังภาคนี้แหวะครับ เลือดเพียบ ฆ่าโหด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น ส่วนเรื่องของเจสันก็ผูกซะจนไปไหนก็ไม่รู้ ออกทะเลไปเยอะครับแต่ภาคนี้ก็ยังพอทำเงินครับ ได้ไปประมาณ $15 ล้าน พอๆ กับภาคก่อน แต่ทุนสร้างน้อยกว่าครับ ใช้ไป $3 ล้านเท่านั้น ภาคนี้เลยพอกำไรหน่อยๆ

ก็เหมาะกับแฟนหนังเจสันเท่านั้นน่ะครับ แต่ก็ตามเคย ดูได้โดยอย่าคาดหวังนะครับผม

ไม่ถึงสองดาวไปล่ะกันนะครับพี่เจสัน

(5/10)