แอรอน บูนน์ (Craig Sheffer) มักฝันถึงแดนปริศนาที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตรูปร่างอัปลักษณ์ ดินแดนนั้นมีชื่อว่า มีเดี้ยน

เขาเข้ารับการรักษาจาก ดร. ฟิลลิป เค. เด็คเกอร์ (David Cronenberg) จิตแพทย์ที่พยายามค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวในฝันของแอรอน แต่แล้ววันหนึ่งแอรอนก็ค้นพบว่าดินแดนที่เรียกว่า มีเดี้ยน นั้นมีอยู่จริง เขาเลยพยายามหาทางเข้าไป

แต่หารู้ไม่ว่าทันทีที่เขาย่างเข้าไปยังมีเดี้ยน เขาก็ได้นำความหายนะมาสู่ดินแดนนั้นด้วย

อืมม์… ตอนผมดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยครับว่าน่าดูจริงๆ เพราะมีตัวประหลาดเพียบ มีอาณาจักรใต้ดิน ดูแล้วนึกถึง Hellbound: Hellraiser II ขึ้นมาทันที แล้วคนทำก็ไม่ใช่ใครล่ะครับ พี่ Clive Barker เจ้าเก่าแห่งหนังชุด Hellraiser นั่นเอง แล้วงานนี้พี่แกก็จัดการลงมือดัดแปลงเขียนบทจากนิยายของเขาเอง แล้วก็กำกับเองอีก แหม มาทางเดียวกับตอนทำ Hellraiser ทุกประการเลยครับ แบบนี้มันก็น่าจะดีใช่มั้ยล่ะครับ

… มันก็ไม่เชิงนักหรอก

ผมว่า Barker เขาเป็นคนที่มีฝีมือมากในการสร้างภาพตัวละครที่มีรูปลักษณ์แปลกๆ ครับ อย่างพี่พินเฮดเงี้ยออกมาคลาสสิคมาก ตัวละครในจินตนาการของพี่ท่านค่อนข้างจะออกมาในแนวบิดเบี้ยว วิปริตชนิดที่เด็กอาจจะหลอนตอนกลางคืนได้ (ขนาดนิยายเด็กอย่าง อาบารัต ยังออกมาหลอนๆ เลยครับ) ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเขาเลยล่ะครับ

ในหนังก็ถือว่ายังมีเสน่ห์ของเขาอยู่ครับ ไม่ว่าจะตัวละครแปลกๆ สถานที่ลึกลับออกไปในแนววิปริตๆ ครบสูตร แต่ที่สัมผัสได้อย่างเต็มที่เลยคือ ความน่ากลัวลดลง ความหลอนลดลง ความดิบความมืดนี่น้อยมากครับ คนละระดับกับ Hellraiser จริงๆ อันนั้นมันดิบและสยองมากๆ เนื้อหาก็น่าติดตาม แต่กับเรื่องนี้เนื้อหายังไม่แน่นนักครับ

ไม่รู้เพราะนี่เป็นงานระดับเมเจอร์หรือเปล่านะครับ เพราะเห็นเป็นงี้ทุกที อย่าง Hell นั้นสาเหตุที่มันสยองและดิบแบบเต็มฟัดก็เนื่องมาจากบริษัทผู้สร้างเป็นทีมงานหนังอิสระน่ะครับ เขาจะเน้นให้คนทำได้ปลดปล่อยผลงานตัวเองออกมาแบบเต็มที่ ถ้าสยองก็ให้มันสยองจนไม่มีใครกล้าดูไปเลย ส่วนจะได้เงินหรือไม่นั้นก็ว่ากันอีกที

ทว่าพอมาเป็นหนังระดับเมเจอร์นี่โดนบงการง่ายครับ เรื่อง Rate นี่เขาจะเป็นห่วงกันมาก แหวะมากไปก็ไม่ได้ ต้องพอดีๆ เพราะกลัวจะติดเรตหนักๆ จนกลุ่มผู้ชมมีน้อยลง ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรน่ะเน้อะ แต่ที่แน่ๆ คือหนังมันดูสะอาดไปหน่อยน่ะครับ ไม่โหดไม่สยองเท่าไหร่ ฉากก็ดูสะอาด อย่างฉากในมีเดี้ยนเงี้ย จริงๆ มันควรมีคราบเลือดเลอะเกรอะกรังกว่านี้ หรือไม่ก็ต้องมืดทะมึนกว่านี้ แต่ไม่รู้อีท่าไหน ดันออกมาในโทนสว่างครับ ขนาดในถ้ำยังสว่างเลย ซึ่งมันออกจะเป็นโทนที่ขัดๆ กันอยู่ในที

งาน Make Up โอเคครับ ส่วนดนตรีของ Danny Elfman ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ คือมันยังคงความเป็น Elfman อยู่แหละครับ แต่พลังน่ะไม่เยอะ ไม่ได้ติดหูหรือชวนหลอนแต่อย่างใด ส่วนงานโปรดักชั่นก็อย่างที่บอกครับ ดูถึงฟอร์ม แต่มันสะอาดเกินไป ไม่เหมาะกับหนังสยองดิบๆ แบบนี้

จริงๆ ช่วงต้นหนังทำได้น่าสนใจมากเลยนะครับ มันให้เราสงสัยว่าอะไรคือ มีเดี้ยน มีการวางปมที่ดีมาก แล้วยังมีฆาตกรโรคจิตลึกลับที่ไล่ฆ่าครอบครัวในเมืองอีก ช่วงแรกทำได้ดีครับ หรือตอนที่แอรอนพยายามหนีจากโรงพยาบาลเพื่อตามหามีเดี้ยนก็ยังสนุกอยู่ แต่ทันทีที่แอรอนเจอมีเดี้ยนและเข้าไปข้างใน หนังดันเหมือนหมดมุกครับ ไม่รู้จะไปทางไหนต่อ เหมือนกับแค่ให้แอรอนไปเดินเล่นมากกว่า ไม่ได้มีอะไรที่มากกว่านั้น ยิ่งตอนท้ายแม้หนังจะผูกเรื่องให้มีการสู้รบกันก็เถอะ แต่มันก็ออกมาแบบหลอกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่ได้สนุกตื่นเต้นแต่อย่างใด

สรุปว่าท่าเหมือนจะดีครับ ตัวอย่างน่าดูดี แต่ผลที่ได้ยังไม่ดีจนถึงขนาด หนังไม่โหดไม่ดิบอย่างเต็มที่ ตอนท้ายก็ไม่ได้หลอนสั่นประสาทเท่าไหร่ ส่วนดารานั้นก็คัดมาไม่เลวล่ะครับ Sheffer ค่อนข้างเหมาะกับบทแอรอน บูนน์ ผมว่าเหมาะกว่าตัวเลือกแรกๆ อย่าง Rutger Hauer กับ Christopher Lambert ซะอีกนะ แล้วก็มี Anne Bobby มาเป็นลอรี่ เดอซิงเกอร์ แฟนสาวของบูนน์ที่ออกมาเป็นไม้ประดับพอกัน

แต่รายที่เข้าท่าหน่อยกลับเป็น Cronenberg ผู้กำกับหนังสยองแนวชีวภาพอย่าง The Fly ที่พลิกมาเล่นหนัง กับบทนิ่งๆ เป็นจิตแพทย์ที่มีความลับซ่อนอยู่ ไม่รู้เพราะแกเล่นหนังไม่เก่งหรือแกนิ่งได้ดีก็ไม่ทราบน่ะนะครับ แต่บทมันต้องนิ่งๆ แบบนี้แหละ กำลังดี และที่ขาดไม่ได้คือดาราเจ้าประจำของหนังพี่ Clive นั่นก็คือ Doug Bradley ผู้ผูกขาดบทพินเฮดมาตลอด ก็มาร่วมแสดงเป็นเดิร์ค ไลเลสเบิร์ค ผู้นำแห่งอาณาจักรมีเดี้ยน ซึ่งก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งครับว่า ไม่มีบทไหนที่แกจะเหมาะกับกว่าพินเฮดแล้วล่ะ

ครับ เอาเป็นว่าอย่าคาดหวังนะฮะ หนังถือว่าดูได้เรื่อยๆ นั่นแหละ แต่ยังไม่เด็ดขาดลงตัวเท่า Hellraiser บางท่านอาจหวังเพราะช่วงแรกมันเปิดมาดีครับ น่าดู มีปม แต่พอผ่านครึ่งแรกไป ก็เดาๆ ได้ซะแล้ว เสียดายเหมือนกันครับ

ในแง่รายได้ก็ไม่มากนักครับ ทำเงินไปราว $9 ล้าน ในขณะที่ทุนสร้างอยู่ที่ $11 ล้าน ก็ต้องไปเก็บเงินต่อตอนออกวีดีโอและลงเคเบิ้ลเอา

สองดาวกว่าครับ

(6.5/10)