รอหลายปีกว่าภาคต่อจะได้คลอดออกมา ตัวผมเองนั้นชอบภาคแรกนะครับ มันสนุกดี ดูเพลินมีจะไม่มีสาระอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นแค่หนังโชว์สตั้นท์ก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็เพลินตาใช้ได้ ทีนี้พอได้ดู Trailer ก็ถือว่าตัดออกมาสนุกและน่าจะฮามากขึ้น อีกทั้งทีมงานที่มาทำก็ชุดเดิมซะเป็นส่วนมากไม่ว่าจะดาราหรือผู้กำกับ อีแบบนี้จะไมได้หวังว่ามันสนุกได้ยังไงล่ะครับ
แล้วผลก็คือ … ผิดหวังน่ะสิ โธ่เอ้ย
หนังออกมาจืดแบบเหลือเชื่อครับ ไม่มีความมันส์แม้แต่น้อย คลนะชั้นกับภาคแรกแบบสุดๆ ก็ภาคแรกมันลื่นน่ะครับ แม้มันจะลงสูตรอย่างที่ผมบอก แต่อย่างน้อยตอนเอาดาบมาฟันกันมันก็ยังลงตัว มีฮามีบู๊แทรกกันอย่างพอเหมาะ แต่พอมาภาคนี้ผมดูไปอึ้งไป เพราะไอ้ฉากฟันดาบผาดโผนทั้งหลายมันไม่สนุกเลยอ้ะ จืดเป็นน้ำเปล่าเลยครับ
ไอ้ไม่แปลกใหม่น่ะผมไม่ว่า แต่ไม่มันส์นี่สิที่รับไม่ได้
Antonio Banderas นั้นยังถือว่าเหมาะกับบทโซโรครับ ดูเท่ห์และมีอารมณ์ขัน ทรงผมได้ใจสาวๆ แน่นอน แต่บทของ Catherine Zeta – Jones นี่สิที่ดูแปลกไปมาก เจ๊แกดันกลายเป็นโทนติงต๊องไปแล้วน่ะครับ ไม่เหมือนภาคแรกที่ดูนิ่งเป็นคุณหนูผู้ดี แต่ก็มีความแก่นเฟี้ยวซ่อนอยู่ภายใน อ้า อันนั้นน่ะยังบอกได้ว่าดูมีเสน่ห์และองค์ประกอบนางเอกหนังฟันดาบอยู่ค่อนข้างครบ แต่มาในภาคนี้ไม่รู้อะไรของเธอครับ ดูเหมือนจะไร้เหตุผลมากขึ้น แม้หนังจะมีปมเกี่ยวกับเธอซ่อนไว้ก็ตาม แต่บุคลิกตัวละครมันไม่ใช่เอเลน่าจากภาคแรกโดยสิ้นเชิงเลย หรือเจ๊แกจะเปลี่ยนไปเพราะมีลูกชายก็ไม่รู้ … เปลี่ยนไปเป็นติงต๊องขึ้นเนี่ยนะ มันไม่น่าอ้ะ มันน่าจะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นสิครับ แบบเดียวกับบทอีวี่ของ Racheal Weicz ใน The Mummy Returns น่ะครับ ขานั้นดูสวยขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้นหลังจากมีลูกแล้ว แล้วยังช่วยให้หนังสนุกขึ้นด้วยเพราะคุณเธอมีวิชาต่อสู้พอเป็นผู้ช่วยของสามีได้ แต่กับบทเอเลน่าในภาคนี้มันออกจะกลายเป็นตัวถ่วงไปซะมากกว่า เฮ่อ ก็ยอมรับเลยครับว่าผมเซ็งกับบทเอเลน่าภาคนี้มากเลยล่ะ
นอกจากนี้หนังยังทะลึ่งยาวตั้ง 2 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่เนื้อหามันเดิมๆ จริงๆ ควรยาวแค่ 90 นาทีพอ ดันไปยิดอยู่ได้ มัวแต่เน้นมุขฮาที่ไม่ฮาเท่าไหร่ หรือไม่ก็ฉากงี่เง่าแบบคาดเดาได้ ตัวอย่างเช่น ฉากคลาสสคิของหนังแนวนี้ครับ ต้องมีฉากที่พวกตัวร้ายมานั่งประชุมกันว่าเราจะดำเนินแผนอย่างไรต่อไป แล้วซักพักก็จะมีหนึ่งในวายร้ายที่ประชุมอยู่ลุกขึ้น ประกาศตัวว่า “ผมขอถอนตัว ไม่เอาด้วยแล้ว และผมจะออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้” แล้วก็ทำท่าจะเดินออกจากห้องไป … ป้าดโธ่ พี่ครับ พี่ไม่รู้ตัวหรือไงครับว่าเพิ่งทำการเซ็นต์ใบมรณบัตรให้ตัวเองอ้ะ คือถ้าพี่อยากถอนตัวจริงๆ ผมว่าพี่รอให้เขาประชุมเสร็จก่อนแล้วก็กลับบ้านไปเก็บข้าวของเตรียมหนีแบบไม่ต้องบอกใครเลย แบบนั้นพี่ยังมีโอกาสรอดมากกว่าตั้งห้าสิบเปอร์เซ็นต์นะครับ แต่ในเมื่อประกาศแบบนี้ มีแต่ตายอนาถสถานเดียว ผมดูฉากนี้ไปก็ขำล่ะครับ เพราะมันเห็นมาไม่รู้กี่เรื่องแล้ว หนังยังอุตส่าห์ใส่ลงมาอีก และไอ้อะไรเดิมๆ แบบเดาได้นี้ก็มีบรรจุอยู่ตลอดเรื่องครับ ไม่เบื่อก็ไม่ไหวล่ะ
ตัวร้ายในเรื่องก็การ์ตูนเกินไป แม้ภาคแรกมันจะการ์ตูนเหมือนกันก็เถอะ แต่การวางตัวและมาดมันยังเหมาะครับ โหดพอดีๆ ส่วนภาคนี้มันเชิงติงต๊องอ้ะ ไม่น่าเกรงขามแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่วายร้ายชุดนี้เป็นองค์กรอัศวินอารากอนเลยนะครับ องค์กรระดับจะทำลายอเมริกาน่ะ แต่ดันออกมาเป็นนักเลงปากซอยเสียมากกว่า ดูไปก็สลดไปครับ
และพอดูหนังจนจบผมก็ถึงแก่ความงง ไม่เข้าใจว่าผู้กำกับ Martin Campbell เจ้าเก่าทำไมมือถึงฮวบได้ขนาดนี้ล่ะครับ คือทำหนังแนวอื่นผมไม่ทราบ แต่ถ้าเป็นแนวแอ๊คชั่นนี่เขาไม่เคยพลาดขนาดนี้ ไม่ว่าจะ GoldenEye, The Mask of Zorro หรือ Vertical Limit ที่ออกมาโอเคสนุกตื่นเต้น ผมให้สองดาวครึ่งขึ้นไปทุกเรื่องนั่นแหละ แต่มาอันนี้ผิดคาดครับ ความสนุกไม่มีเลย เป็นงานยักษ์ที่ทำออกมาผิดฟอร์มมากๆ จนไม่แปลกใจเลยครับที่รายได้จะไปไม่ได้ไกลเท่าไหร่ ก็ออกมาธรรมดานี่หน่า
ผมเคยได้ยินคนบ่นนะครับ ว่าภาคแรกไม่สนุกเท่าไหร่ ก็ถ้าคุณเป็นบุคคลที่เห็นว่าภาคแรกน่าเบื่อล่ะก็ เห็นทีภาคนี้คงต้องบอกว่าห้ามดูล่ะครับ เพราะมันจืดพลิกความคาดหมายจริงๆ เรื่องบทก็อืด ไอ้ปมที่ซ่อนไว้ก็คลายแบบไม่สลักสำคัญอะไร เดาได้หมดแน่ๆ ไม่มีลุ้นเลย
ก็ลองว่าหนังแอ๊คชั่นซักเรื่อง ถ้าบู๊ไม่สนุก แล้วยังไม่มีลุ้นและบทไม่เข้มข้น มันก็ไม่เหลืออะไรจะให้ชมแล้วล่ะครับ
แต่คนที่เสียดายสุดๆ หนีไม่พ้นที่ Rufus Sewell พระเอก Dark City ของผมที่หลังจากเรื่องนั้นมามัวแต่ไปรับบทตัวร้ายไม่เข้าท่าอยู่ตั้งหลายเรื่อง กับ A Knight’s Tale ยังเรียกว่าพอไหว แต่มาเรื่องนี้ดันหัวทิ่มหัวตำครับไม่ได้เกิดซะที หน้าตาเขาก็เหมาะกับบทวายร้ายดีล่ะครับ แต่บทมันการ์ตูนน่ะ ไม่ได้แสดงอะไรที่จะขโมยซีนออกมาเลย แล้วฉากฟันดาบของพี่ท่านก็ดูเก้ๆ กังๆ ยังไงก็ไม่ทราบ ไม่มีความองอาจเลย เนี่ยนะหัวหน้าองค์กรอารากอน
นอกจากนี้โทนหนังมันยังออกอารมณ์ทีเล่นทีจริงมากเกินไปด้วยล่ะครับ ไอ้ช่วงตีกันหรือช่วงเสี่ยงตายมัยเลยไม่ค่อย Peak เท่าที่ควร สิ่งที่น่าประทับใจในเรื่องนี้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก็คือ ฉากเปิดตัวครับ ที่เปลวไฟตัวอักษร Z มันช่างโชติช่วงงดงามและร้องแรงแบบสุดๆ จนอดคิดไม่ได้ว่าภาคนี้ต้องมันส์
แต่เนื้อในดันเป็นไฟเย็นซะนี่ เอามือไปอังยังไม่รู้สึกว่าร้อนเลยล่ะครับ
สองดาวแบบเกือบไม่ถึงครับ
(6/10)
หมวดหมู่:Action, Adventure, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์