
Rambo: First Blood Part II เล่าเรื่องต่อจากคราวก่อน หลังจากจอห์น แรมโบ้ (Sylvester Stallone) ระเบิดเมืองซะย่อยยับ เขาก็โดนจับเข้าเรือนจำ แต่แล้วผู้พันทรอทแมน (Richard Crenna) ก็ได้มาหาเขาถึงเพื่อยื่นข้อเสนอให้ ว่าหากแรมโบ้รับงานภาคสนามในเวียดนาม เขาอาจได้รับการอภัยโทษ
แล้วแรมโบ้ก็รับงานนี้ครับ เขาเดินทางไปยังเวียดนามเพื่อเสาะหาร่องรอยตัวประกันที่ยังตกค้าง ตอนแรกดูเหมือนทุกอย่างจะไปได้ดี แต่ทว่าเขากลับถูกปล่อยเกาะ งานนี้พี่แกเลยต้องงัดกลยุทธบู๊เฉพาะตัวมาเอาตัวรอดอีกครั้ง และงานนี้ไม่ใช่แค่รบกับพวกนายอำเภอไม่กี่คน แต่ศัตรูที่ต้องรับมือคือทหารทั้งกองพัน
แล้วความมันส์ก็บังเกิด
หนังภาคนี้ยิงกันระเบิด ไล่ล่ากันแบบเต็มพิกัด โม้สะบั้นหั่นแหลก ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะบทได้พี่ James Cameron มาร่วมสังฆกรรมด้วย ซึ่งว่ากันว่าพวกฉากแอ๊คชั่นถึงใจพระเดชพระคุณทั้งหลายนั่นก็มาจากฝีมือของ Cameron นี่แหละ
เป็นตอนต่อที่น่าพอใจเลยล่ะครับ เพราะยังคงความเป็นแรมโบ้จากภาคแรกเอาไว้ได้ นั่นคือการซุ่มโจมตี ย่องฆ่าซ่อนเชือด แต่ส่วนที่เสริมเข้ามาคือฉากการต่อสู้ทั้งแบบประชิดและแบบยิงระเบิดกัน เรียกได้ว่าวายวอดกว่าภาคก่อนเยอะ เพียงแต่หากว่ากันถึงในแง่ความลงตัวแล้ว ภาคก่อนจะถือว่าลงตัวและสดกว่าครับ
พี่สไลแกดูไปได้ดีกับบทแรมโบ้นะครับ ในแง่การแสดงถือว่าเรื่อยๆ แต่ที่น่าจดจำจริงๆ คือการบู๊แบบลุยดะ และการระเบิดอารมณ์ออกมาเป็นอะไรมันส์ๆ ซึ่งเขาก็ทุ่มเทกับบทนี้มากเลยครับ ก่อนถ่ายทำนั้นเขาฟิตตัวเองวันละ 4 ชั่วโมงติดต่อกันเป็นเวลา 8 เดือน พร้อมทั้งเข้าฝึกกับหน่วยสวาท เข้าคอร์สยิงธนู และคอร์สเอาตัวรอดในป่าต่างๆ ด้วย
ส่วน Crenna ก็ดูนิ่งๆ พร้อมบารมีเหมือนเดิม สิ่งที่น่าชื่นชมคือแววตาท่าทางของเขาที่บ่งบอกเสมอว่าเขามั่นใจในแรมโบ้เพียงใด และคนที่ออกจะเป็นสีสันก็คือ Charles Napier กับบท มาร์แชลล์ เมอร์ด็อก ผู้นำปฏิบัติการนี้ พี่แกก็ดูเป็นพวกเจ้าหน้าที่เห็นแก่ตัวได้ดีครับ ถ้าพูดถึงดีกรีความน่าหมั่นไส้นี่เรียกว่าไม่น้อยหน้าทีเซลจากภาคก่อนเลย และตัว Napier ก็ออกมาเล่าในภายหลังครับ ว่าเขามักจะเจอคนเดินเข้ามาแล้วบอกว่า “ผม/ฉันเกลียดคุณมากเลย ตอนดู Rambo น่ะ”
แล้วก็ยังมี Steven Berkoff ตัวร้ายจากหนัง 007 ตอน Octopussy ก็มารับบทคล้ายๆ กันครับ เป็นผู้พันโพดอฟสกี้ นายทหารโซเวียตที่เข้ามาแทรกแซงเวียดนาม แล้วก็มาตีกับแรมโบ้ในตอนท้าย ซึ่งในตอนแรกคนทีได้รับการเซ็นต์สัญญาเพื่อจะมารับบทนี้ก็คือ Dolph Lundgren ครับ แต่พอพี่สไลทราบว่า Lundgren กำลังจะรับบทเป็นคู่ปรับของเขาใน Rocky IV สัญญาก็เลยถูกยกเลิกไป
อีกหนึ่งตัวละครที่จัดว่าน่าจดจำก็คือ โค ที่แสดงโดย Julia Nickson ยอมรับเลยครับว่าเธอสวยและน่ารักมากๆ และผู้กำกับหนังภาคนี้อย่าง George P. Cosmatos ยังออกมาบอกว่าเธอคือหนึ่งในจุดเด่นของหนังภาคนี้ และทำให้ภาคนี้มีอารมณ์อันหลากหลายกว่าภาคอื่นๆ

จะว่าไปภาคนี้ไม่ใช่แค่มันส์เท่านั้นนะครับ หนังยังแทรกประเด็นการเมืองเอาไว้ด้วย อย่างเนื้เรื่องเกี่ยวกับแรมโบ้โดนส่งเข้าไปในเวียดนาม เพื่อทำภารกิจ แต่แล้วกลับถูกปล่อยเกาะตัดการช่วยเหลือ ตรงนี้ดูไปแล้วเหมือนเหตุการณ์ตอนสงครามเวียดนามไม่มีผิดครับ ที่นายทหารมากมายโดนส่งไปตาย แต่พอถึงตอนที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ ทางการอเมริกาดันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยให้เขาตายกัน – และกล่าวกันว่า ณ เวลาที่หนังออกฉายนั้น ยังมีทหารอเมริกันกว่า 2,500 นายที่ยังติดอยู่ในเวียดนาม ไม่สามารถกลับมาอเมริกาได้
หนังเรื่องนี้ก็เหมือนเป็นการด่าอเมริกากลายๆ น่ะครับ ซึ่งพี่สไลก็กำหนดให้แรมโบ้ไม่ยอมแพ้และทำการโต้ตอบทั้งต่อฝ่ายเวียดนามและฝ่ายเขาเอง
ตอนจบที่แรมโบ้แบกเอาปืนกลไปกราดยิงห้องทำงานของเมอร์ด็อกนั่นเป็นเหมือนการระบายแค้นครับ เมอร์ด็อกก็เหมือนตัวแทนพวกทหารชั้นสูงหรือพวกนักการเมือง ส่วนแรมโบ้ก็เป็นตัวแทนนายทหารที่ออกรบ ฉากที่ว่านี่ถือว่าสะใจไม่ใช่น้อย
แต่ขณะเดียวกันประเด็นทางการเมืองเหล่านั้นก็ทำให้เกิดการถกเถียงในวงสังคมไม่น้อยครับ เพราะต่างคนก็ต่างมุมคิด จนพอมีการพูดถึงมากๆ เข้า พี่ Cameron แกก็ออกมาพูดเหมือนกันครับ แต่พูดในลักษณะว่าแกไม่ได้เขียนนะ แกกระหน่ำเฉพาะในส่วนแอคชั่น แต่คนที่ใส่ประเด็นทางการเมืองลงไปก็คือพี่สไลของเรานี่แหละ
นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าพี่สไลแกก็เจ๋งพอตัวครับ มีฝีมือในการเขียนบทไม่ใช่ย่อย ดูจาก Rocky แล้วก็ตามมาเรื่องนี้ ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นหนังแอคชั่นที่ดูเอามันส์เป็นหลัก แต่จริงๆ ก็แฝงอะไรน่าพูดถึงหลายอย่างไว้ด้วย
และแม้หนังจะมีการวิพากษ์การเมืองเอาไว้ แต่คนหนึ่งที่ออกตัวเลยว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนังเรื่องนี้ก็คืออดีตประธานาธิบดี Ronald Reagan ครับ
แล้วก็มีเกร็ดอีกนิดหน่อยเกี่ยวกับการเขียนบทครับ นั่นคือบทที่ James Cameron เขียนตอนแรกเริ่มนั้น แรมโบ้จะมีตัวละครคู่หูคู่ฮามาประกบด้วย ว่ากันว่าคนที่จะมาแสดงก็คือ John Travolta ครับ แต่พี่สไลของเราอยากให้แรมโบ้ลุยเดี่ยวเป็นหลักมากกว่า และเขายังมองว่าตัวละครที่จะมาเป็นคู่หูคู่ฮานั้นมักจะได้โอกาสในการพูดบทพูดเจ๋งๆ เท่ห์ๆ อันเป็นการขโมยความเด่นและบทพูดดีๆ ไปจากตัวหลัก ผลสุดท้ายบทคู่หูของแรมโบ้เลยถูกตัดออกไปครับ
ทั้งบู๊มันส์ระเบิด ทั้งมีอะไรแฝง ไม่น่าแปลกใจครับที่หนังมันจะโกยเงินไปกว่า $150 ล้าน มากกว่าภาคแรกตั้งหลายเท่า ซึ่งส่วนหนึ่งที่หนังโกยกระหน่ำก็อาจจะมาจากการที่หนังเปิดตัวกว่า 2,000 โรงด้วยล่ะมั้งครับ และนี่ถือเป็นหนังเรื่องแรกในอเมริกาครับ ที่มีการเปิดตัวมากกว่า 2,000 โรง – ส่วนรายได้ทั่วโลกก็ราว $300 ล้านครับ จากทุนประมาณ $44 ล้าน
เอาเป็นว่าภาคนี้มันส์มากครับ โลเคชั่นก็สวยดีด้วย การเดินเรื่องอาจมีอืดบ้างเล็กน้อยในช่วงครึ่งแรก แต่หนังก็แค่ 94 นาทีครับ ดูเพลินๆ ได้เลย อีกอย่างที่อยากพูดถึงคือเพลงปิดเรื่องครับ คือเพลงชื่อ Peace in Our Life ร้องโดย Frank Stallone น้องชายของพี่สไลนั่นเอง ก็ถือเป็นเพลงที่เพราะในระดับหนึ่ง และมีความหมายที่ดีครับ
สองดาวครึ่งพร้อมกับความมันส์ครับ

(7/10)
หมวดหมู่:Action, Movie Reviews, Recommended Movies










