Action

Shin Godzilla (2016) ก็อดซิลล่า

large_shin-godzilla-poster

มีคนถามว่า Godzilla ภาคนี้มันมันส์ตรงไหน ดูแล้วผิดหวัง ตัวละครเอาแต่คุยกันทั้งเรื่อง, CG ก็งั้นๆ ตัวก็อตซิลล่าก็หาได้สมจริงไม่ มันชุดยางชัดๆ ฯลฯ ซึ่งก็ตรงกับอีกหลายๆ คอมเมนต์ที่ผมไปเจอมาครับ บางคนถึงขั้นจะเถียงกันก็มี ดังนั้นเลยขอนำมาตอบแบบรวมๆ กันที่นี่ครับ

อันว่า Godzilla แต่ดั้งแต่เดิมนั้นไม่ได้เน้นไปที่แอ็คชั่น หรือความมันส์ครับ โดยแกนหลักมันคือหนังสัตว์ประหลาดบุก มันคือหนังภัยพิบัติขนานหนึ่ง โดยจะมีพล็อตรองว่าด้วยการวิพากษ์โลก, สังคม, วิทยาศาสตร์, การเมือง, รัฐบาล บางคนมองไปถึงว่าหนังสะท้อนความเจ็บปวดของชาวญี่ปุ่นอันเนื่องมาจากเหตุทิ้งระเบิดปรมาณูสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

ด้วยเนื้อหาและสาระที่รวมมิตรแบบนี้ทำให้หนัง Godzilla ภาคต้นฉบับได้ “เกิด” แบบเต็มตัวในญี่ปุ่น แล้วก็มีแฟนๆ ติดตาม Godzilla เรื่อยมาหลายสิบปี โดยหนัง Godzilla เองก็มีวิวัฒนาการ ทั้งต่อตัวพี่ก็อตเองและต่อสภาพแวดล้อม-สังคม

ฉากหลังในเรื่องที่พล็อตรองแต่ละตอนก็จะผันแปรไปตามจินตนาการ หรือไม่ก็ “ประเด็นใหญ่ๆ” ของญี่ปุ่นหรือของโลกในตอนนั้น อย่างบางตอนก็จับเรื่องมลพิษ บางตอนก็จับเรื่องสงคราม บางตอนก็วิพากษ์ประเทศญี่ปุ่นเอง หรือตัวสัตว์ประหลาดแต่ละตัวก็ไม่ได้มีจุดกำเนิดมาจากจินตนาการเท่านั้น แต่มันยังมีประเด็นทางสังคม-การเมืองแทรกอยู่ในตัวพวกมันด้วย

ด้วยเหตุนี้พอหนัง Godzilla เวอร์ชั่น 1998 ของ Roland Emmerich ออกฉาย จึงไม่แปลกที่ชาวญี่ปุ่นที่เป็นแฟนดั้งเดิมของพี่ก็อตจะพากันบอกว่า “มันไม่ใช่” เพราะ Godzilla เวอร์ชั่นนั้นเน้นฉากทำลายล้าง, เน้นความเป็นแอ็คชั่นเป็นหลัก

และที่นี้ก็มาถึงสิ่งที่ผมอยากจะพูดที่สุดครับ นั่นก็คือ “ไม่ว่าท่านจะเป็นคอหนังที่ชอบ Godzilla แบบดั้งเดิม หรือชอบ Godzilla สายมันส์ ก็ล้วนไม่ใช่เรื่องผิดครับ” เพราะโดยเนื้อแท้แล้วพวกท่านก็ชอบ Godzilla เหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ชอบไปคนละสาย คนละแบบ คนละสาขาเท่านั้นเอง

ผมว่าพี่ก็อตก็เหมือนเจมส์ บอนด์น่ะครับ แม้จะชื่อเดียวกันแต่ก็มีหลายสไตล์ อย่างบอนด์นี่ ถ้า Sean Connery ก็สายเข้ม แต่ถ้า Roger Moore ก็สายเบา ครั้นมาถึง Daniel Craig ก็เข้มบวกอารมณ์ขันแบบยุคใหม่ ของแบบนี้ก็แล้วแต่คนชอบ จะชอบแบบไหนก็ไม่ผิด

กลับมาที่คำถามเดิม ที่หลายคนถามว่า Godzilla ภาคนี้มันส์ตรงไหน ทำไมคนถึงชื่นชม ก็ตอบได้ว่า มันไม่ได้มันส์ในฐานะ Godzilla สายมันส์ครับ แต่มันเป็น Godzilla สไตล์ดั้งเดิมที่เดินเรื่องแบบเข้มข้นจนคนดูที่รักพี่ก็อตสาย Classic พากันฟินแล้วฟินอีก

และอาจจะเพราะคอพี่ก็อตสไตล์นี้มีจำนวนเยอะอยู่… ลองเทียบง่ายๆ ครับ คนชอบพี่ก็อตแบบ Classic น่ะเริ่มมีมาตั้งแต่ปี 1954 นับนิ้วมาถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไป 63 ปีแล้ว ในขณะที่พี่ก็อตเพิ่งจะมาเน้นสายมันส์เอาก็หลายสิบปีหลังจากนั้น ดังนั้นหากจำนวนคนที่ชอบพี่ก็อตแบบ Classic จะมีมากกว่า แล้วก็เทคะแนนให้กับภาคนี้แบบถล่มทลาย เลยไม่แปลกหากคะแนนมันจะสูงสวนทางกับความรู้สึกใครหลายๆ คน (โดยเฉพาะคอพี่ก็อตสายมันส์ที่ดูภาคนี้ยังไงก็ไม่มันส์)

ก็บอกตรงนี้เลยครับว่านี่ไม่ใช่พี่ก็อตสายมันส์ ฉากแอ็กชันทำลายล้างไม่ได้เยอะ CG ก็ไม่ได้เจ๋งเท่าภาคฮอลลีวู้ด พี่ก็อตเวอร์ชั่นชุดยาง และฉากคุยกันมีเยอะกว่า 85% ดังนั้นใครอ่านสิ่งเหล่านี้แล้วตระหนักได้ว่าไม่น่าจะแนว ก็สามารถข้ามพี่ก็อตภาคนี้ไปได้เลยครับ รอดู Godzilla ภาคฮอลลีวู้ดในภายหน้า น่าจะตอบโจทย์ได้ตรงกว่า

สำหรับผมแล้ว ครึ่งหนึ่งในตัวก็ชอบพี่ก็อตสาย Classic ส่วนอีกครึ่งก็ชอบพี่ก็อตสายมันส์ และหลังจากดู Shin Godzilla เรื่องนี้แล้ว พูดได้เต็มปากว่า “ครึ่งที่ชอบพี่ก็อต Classic” มันตะโกนก้องว่า “ฟินโว้ยยยยยยยยยย” รู้สึกชอบและโดนกับ Godzilla ภาคนี้แบบเต็มที่ (จนความฟินที่ว่าเผื่อแผ่ความ “สดชื่น” มาถึงอีกครึ่งที่ชอบสายมันส์ด้วยครับ 555)

อยากให้มองในมุมที่ว่าไหนๆ ก็มีหนังพี่ก็อตสาย CG และสายมันส์ ทำออกมาเอาใจคอหนังสายมันส์ตั้งหลายเรื่องแล้ว ก็ขอพื้นที่ให้พี่ก็อต Classic ได้ออกมาทักทายแฟนๆ บ้างพอให้หายคิดถึง ก็คงไม่เป็นอะไรน่ะนะครับ 

พี่ก็อตภาคนี้จัดเป็นภาค Reboot แบบ 100% ครับ เพราะโลกในหนังนั้นคือโลกที่ไม่เคยมีก็อตซิลล่าหรือสัตว์ประหลาดอื่นใดปรากฏตัวมาก่อน ดังจะเห็นได้จากปฏิกิริยาของทุกตัวละครที่ต่างก็ตกใจ ทางด้านรัฐบาลเองก็ไม่รู้จะรับมืออย่างไร กระทั่งนักวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ ก็ต้องมาทำการนับหนึ่งเพื่อหาคำตอบว่าเจ้าสัตว์ลึกลับตนนี้มันมาจากไหน และจะสยบมันได้อย่างไร

ผมบอกได้เลยว่าชอบครับ อารมณ์ตอนดูมันเหมือนสมัยดู ID4 ภาคแรก น่ะครับ ประเภทว่าความตื่นเต้น ระทึก และมาคุมันค่อยๆ ก่อตัวขึ้นตามลำดับ ความตึงเครียดมันมาทีละ Step เริ่มจากเหตุเกิดลึกลับ ตามด้วยการปรากฎตัวของสิ่งมีชีวิตที่โลกไม่เคยรู้จัก และภัยพิบัติที่ตามมาเป็นระลอก ในแง่อารมณ์ถือว่าทำได้ดีเลยครับ

โดยแกนหลักแล้วหนังไม่ได้เน้นแอ็กชันลุ้นระทึก แต่ออกแนวภัยพิบัติครับ พี่ก็อตเป็นเหมือนอุกกาบาต, แผ่นดินไหว หรือไดโนเสาร์บุกที่ค่อยๆ ก่อความหายนะทีละนิด จนบางรอบก็ก่อหายนะระดับนรกแตก ซึ่งความสนุกของหนังก็อยู่ตรงที่ว่า เหล่าตัวละครที่เป็นมนุษย์จะหาทางรับมือและยับยั้งหายนะนี้ด้วยวิธีใด

หนังทำได้น่าติดตามครับ เหตุการณ์มันอาจไม่ได้สมจริงแบบเต็มๆ นะ แต่มันน่าติดตามดี มันทำให้เราอยากรู้ว่ามนุษย์จะทำยังไงกันต่อ ซึ่งแม้สุดท้ายแล้ววิธีจัดการพี่ก็อตอาจไม่ได้พิสดารพันลึกอะไรก็เถอะ แต่เหตุการณ์ระหว่างนั้นมันก็ดูเพลินดีสำหรับแนวทางของมัน

แต่จุดที่ทำให้หนังมีรสชาติอย่างแท้จริงคือการวิพากษ์สิ่งต่างๆ ที่หนังแทรกลงไปครับ ไม่ว่าจะวิพากษ์การเมือง, การทำงานของรัฐบาล, การทูต, เรื่องกฎหมายและการตีความกฎหมายต่างๆ จนบอกได้ว่าสารพัดบทสนทนาที่เกิดในหนังน่ะ แฝงประเด็นพวกนี้ไว้ตรึมไปหมด

ไหนจะการที่ชาติมหาอำนาจหวังฮุบผลประโยชน์ประเทศอื่น ประมาณว่าในมุมหนึ่งพี่ก็อตของเราเป็นเสมือนทรัพยากรครับ เลยมีคนจ้องจะฮุบพี่ก็อตแบบตาเป็นมัน แล้วก็พากันหาเรื่องแทรกแซงญี่ปุ่นในทุกวิธี มันก็ทำให้นึกถึงสารพัดสงครามที่หลายๆ ชาติทำน่ะครับ ฉากหน้าเหมือนทำเพื่อความถูกต้อง แต่เจตนาแฝงก็เพราะอยากฮุบอะไรสักอย่างเสมอ

หนังดูเหมือนจะจิกกัดอเมริกาในหลายเรื่อง แต่เอาเข้าจริงแล้วหนังก็ไม่ได้กัดอเมริกาจนน่าเกลียด เพราะบางจุดหนังก็เอาจุดดีของอเมริกามากัดญี่ปุ่นเหมือนกัน อย่างตัวละครคาโยโกะ แอนน์ ปีเตอร์สัน (Satomi Ishihara) ที่มีตำแหน่งใหญ่โตในอเมริกาทั้งที่อายุยังน้อย แล้วก็มีตัวละครหนึ่งพูดว่า “อเมริกาเขาให้ค่าคนที่ความสามารถ มากกว่าที่อายุหรืออาวุโส” แค่ประโยคนี้ก็เต็มๆ แล้วครับ

ถ้าสังเกตก็จะพบว่าหนังสะท้อนสภาพระบบและการเมืองญี่ปุ่นแบบจัดจ้าน อย่างภาพการทำงานของรัฐบาล “ขิงแก่” ที่เราเห็นตอนต้นเรื่องนั่น ก็มองได้ไม่ยากล่ะครับว่าทีมขิงแก่นี่รับมือกับเหตุการณ์ได้แบบน่าขันแค่ไหน ประมาณว่าออกแนวตื่นตูมและตื่นไฟ บริหารจัดการสิ่งต่างๆ ได้ไม่เด็ดขาด บางทีก็เอาแต่อารมณ์ บางทีก็เล่นง่ายเกิน แต่บางครั้งก็ทำให้มันยากเว่อร์

และบางคนในคณะก็เสนอสิ่งที่เป็นการแก้ปัญหาแบบขอไปที (ออกแนวปัดสวะให้พ้นตัว) หรืออย่างบทวิเคราะห์วิจัยเหตุการณ์ที่เกิดนั้น ผลที่ได้ก็ไม่ใช่การมองแบบรอบด้าน แต่เป็นการมองแบบคับแคบหรือไม่ก็โลกสวยเว่อร์ อย่างตอนมีคนรายงานว่าสัตว์ประหลาดไม่มีทางขึ้นบกได้ไม่ว่าทางใด ผมนี่ก๊ากเลย เพราะเป็นการรายงานมุมแคบๆ ที่เฮงซวยมาก

ถ้ามองแบบคิดมากหน่อยก็อดคิดไม่ได้ครับว่า “ก็อตซิลล่า” เป็นเหมือนตัวแทน “ปัญหาใหม่ที่เกิดแบบคาดไม่ถึง” และภาพการรับมือของรัฐบาลก็ทำให้มองเห็นว่าคนรุ่นเก่าแบบนั้นขาดความยืดหยุ่น ขาดวิสัยทัศน์ ชอบปัดสวะให้พ้นตัว ซุกปัญหาไว้ใต้พรม และชอบมองในมุมที่เอื้อให้ตนได้ออกแรงทำงานน้อยที่สุด (เหมือนการที่คนในรัฐบาลพยายามพูดถึงก็อตซิลล่าว่าไม่เป็นปัญหาใหญ่หรอก เพื่อจะได้เปิดตูดไปทำอย่างอื่นให้เร็วที่สุด)

ประโยคอย่าง “เรายังไม่รู้เลยว่ากระทรวงใดจะรับผิดชอบเรื่องนี้ดี” หรือ “เดี๋ยวต้องมีการโบ้ยงานเกิดขึ้นแน่” มันสะท้อนชัดถึงจุดบอดของระบบน่ะครับ และถ้าคิดมากอีกหน่อยก็จะรู้สึกว่าหนังวิพากษ์เหล่าผู้อาวุโสที่กุมชะตาญี่ปุ่นอยู่ ในขณะที่ตัวละครที่พยายามหาทางออกจริงๆ กลับเป็นคนรุ่นใหม่และพวกนอกกรอบ

ผมชอบตอนที่ตัวเอกเอ่ยขึ้นแสดงความเห็น ระหว่างที่เหล่ารัฐมนตรีเสนอว่าให้ฆ่าก็อตซิลล่า หรืออย่าฆ่าเพราะเดี๋ยวพวกอนุรักษ์จะต่อต้าน ปรากฏว่าตัวเอกพูดว่า “เราควรศึกษามันก่อนไหมครับ” เพราะไม่ว่าจะฆ่าหรือจะไม่ฆ่า ก็ต้องรู้จักมันก่อน เพราะถ้าจะฆ่าก็ต้องรู้จักมันก่อนว่าจะฆ่ายังไง หรือถ้าไม่ฆ่าก็ต้องรู้วิธีปราบมัน ดังนั้นก่อนจะสรุปวิธีลงมือสุดท้าย ก็ต้องรู้ซะก่อน ไม่ใช่ตัดสินใจแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ซึ่งฉากที่ว่าสะท้อนจุดตัดทางความคิดของคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ได้ดี

ผมสนุกกับสารพัดประเด็นครับ เลยทำให้แม้หนังจะพูดกันเกือบทั้งเรื่อง แต่ไม่น่าเบื่อเลย ในทางตรงกันข้ามครับ ผมว่ามันน่าติดตามออก จริงๆ หาย้อนมองไปแล้ว หนังพี่ก็อตตอนเก่าๆ ที่พยายามจะเน้นบทสนทนานั้น หลายตอนทำออกมาแล้วน่าเบื่อเพราะประเด็นที่หยิบมายังไม่เจ๋งพอ และการนำเสนอยังไม่จับใจ แต่กับภาคนี้ประเด็นมันใช่ การนำเสนอมันได้ครับ ผลที่ได้เลยน่าพอใจอย่างมาก

เอาเป็นว่าคอหนังที่ชอบ Godzilla แบบ Classic ห้ามพลาดเรื่องนี้เลยครับ หรือกระทั่งคนชอบหนังแบบ Thirteen Days หนังที่ถกกันในเชิงการเมืองเยอะๆ ผมว่าก็น่าลองครับ เพราะเรื่องของพี่ก็อตน่ะผมถือว่าเป็นประเด็นรองนะ ประเด็นหลักคือปฏิกิริยาของมนุษย์มากกว่า

ในขณะที่ตัวพี่ก็อตแม้จะออกน้อย แต่แน่นครับ แต่ละร่างล้วนน่าจดจำ อย่างร่างแรกนี่แอบหลอนเหมือนกันนะ แล้วตอนพี่ก็อตแกสำแดงฤทธิ์แบบเต็มพิกัดนี่เป็นอะไรที่ประทับใจจริงๆ

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7.5/10)

ใส่ความเห็น

เว็บนี้ใช้ Akismet เพื่อลดสแปม. เรียนรู้ว่าข้อมูลแสดงความเห็นของคุณถูกประมวลผลอย่างไร.