Drama

Message in a Bottle (1999) เมซเซจ อิน อะ บ็อตเติล ความรักฝากมาไกล หมื่นไมล์ก็ไม่แคร์

dml_

นี่ก็เป็นผลงานกำกับเรื่องต่อมาของ Luis Mandoki เจ้าเดียวกับที่เคยทำหนังรักดีๆ อย่าง When a Man Loves a Woman เรื่องนั้นคนชอบกันเยอะครับ ผมเองยังชอบเลย ส่วนเรื่องนี้นะครับ ก็เป็นแนวโรแมนติกเหมือนเดิม สร้างจากหนังสือของ Nicholas Sparks แล้วก็เป็นโรแมนติกแบบชีวิตๆ ที่ถือว่าโอเคสำหรับหนังแนวนี้ – เพียงแต่อาจไม่กลมกล่อมลงตัวเท่า When a Man Loves a Woman

เรื่องราวของเทเรซ่า ออสบอร์น (Robin Wright Penn) หญิงสาวผู้เก็บขวดที่ลอยน้ำมาติดฝั่งได้ ภายในได้บรรจุข้อความที่บรรยายถึงความรักเอาไว้ เธอจึงตัดสินใจออกตามหาผู้เขียน อันนำเธอไปพบกับ แกร์เร็ต เบลค (Kevin Costner) ชายหนุ่มผู้มีความเศร้าอยู่เต็มหัวใจ ซึ่งจากจุดนี้ก็คงพอเดาได้น่ะนะครับว่าพวกเขาจะมีความรู้สึกอย่างไรต่อกัน

เรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติกแบบผู้ใหญ่ครับ การเดินเรื่องอาจไม่หวือหวา ไม่หวานแหววกุ๊กกิ๊ก เป็นความรักของคน 2 คนที่ชีวิตเคยผ่านอะไรมาในระดับหนึ่งชีวิตมีทั้งวันชื่นคืนสุขและรอยแผลในใจ ว่าง่ายๆ คือเน้นกับที่เรื่องความรู้สีกครับ ไม่ได้เน้นการปรุงรสอะไรมาก ดังนั้นคนที่ไม่ชอบอะไรที่เรื่อยๆ เนิ่บๆ ก็อาจไม่แนวนักสำหรับหนังเรื่องนี้ แต่หากใครชอบล่ะก็ เรื่องนี้ก็น่าจะเข้าทางอยู่ครับ เพียงแต่ดีกรีความกลมกล่อมอาจยังไม่เยอะเท่านั้นเอง

ดาราถือว่าเลือกที่มีฝีมือมากันแน่นจออยู่ครับ พี่ Kevin แกก็เล่นได้ตามเรื่องครับ บทประมาณพระเอกอมทุกข์แบบนี้พี่เขาเล่นได้อยู่แล้ว ส่วน Wright Penn ก็เช่นกันครับ เธอชอบรับบทหญิงสาวผู้มีความเศร้าหรือต้องไปพัวพันกับเรื่องเศร้าๆ ประจำ (เช่นบทเจนนี่ใน Forrest Gump เป็นต้น) การแสดงของพวกเขาผมว่าเข้ากันได้ดีเลยน่ะครับ แล้วก็บวกด้วยบรรยากาศริมชายหาดสวยๆ ซึ่งหนังถ่ายภาพนำเสนอออกมาได้ดีครับ ว่าตามจริงโทนหนังจะออกแนวชีวิตแบบหนักๆ อยู่บ้าง แต่ด้วยความสวย ดูสบายของภาพชายหาดก็ช่วยให้หนังมันไม่หนักเกินไป อีกทั้งมันยังเสริมอารมณ์เหงาได้อย่างดีมากๆ ครับ จนดูแล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพระเอกของเราถึงเศร้าๆ เหงาๆ ก็ลองว่าทะเลที่เขาจ้องมันได้อารมณ์ไปทางเหงาๆ แบบนั้น

ทะเลนี่ก็แปลกนะครับ มันอยู่ของมันอย่างนั้น มีคลื่นสาดของมันอย่างนั้นแหละ เป็นประจำตั้งแต่มหาสมุทรกำเนิดมาแล้ว แต่คนบางคนไปจ้องมันแล้วเกิดความรู้สึกต่างกัน บางคนเซ็งชีวิตเลยเดินไปจ้อง ปรากฏว่ามันสร้างพลังให้เขาได้ครับ ในขณะที่บางคนเซ็งชีวิตเหมือนกัน แต่พอไปจ้องดันรู้สึกหดหู่เศร้าสร้อยเสียนี่

ทะเลก็เป็นของมันอย่างนั้นครับ มันต่างตรงใจของคนที่มองมากกว่า

Untitle03215

ผมยอมรับอย่างหนึ่งว่าหนังทำโทนให้มันเหงาได้ดีครับ ทะเลดูเวิ้งว้างมากๆ ถ้าใครใจเหงาไปยืนจ้องก็อดไม่ได้ที่จะหนาวใจล่ะครับ เลือกสถานที่และถ่ายภาพออกมาได้ดีจริงๆ จุดนี้แหละที่ถือว่าเด่นมากสำหรับหนังเรื่องนี้

เนี่ยครับ บรรยากาศออกมาดี แต่เนื้อเรื่องอาจราบเรื่อยนิ่งไปบ้าง ดูท่าว่าเจตนาของผู้กำกับของอยากให้เราได้สัมผัสลึกซึ้งไปถึงอารมณ์ตัวละครล่ะมั้งครับ ซึ่งก็ถือว่าใช้ได้ แม้จะไม่ถึงขั้นน่าจดจำมากๆ แต่ก็ถือว่าไม่ผิดหวัง

จำได้ตอนดูรอบแรกนี่ผมอยู่ในโทนเหงาๆ ครับ ดูหนังแล้วก็เลยยิ่งเหงาหนัก ดังนั้นหนังอาจไม่เหมาะสำหรับคนที่กำลังเหงาๆ เปลี่ยวๆ นะครับ เดี๋ยวดูแล้วจะไปกันใหญ่

แต่เชื่อไหมครับว่าหนังน่ะลงทุนไปถึง $80 ล้าน เรียกว่าเป็นหนังรักที่ทุนสูงมากเรื่องหนึ่ง ส่วนรายได้ก็ได้คืนมาราว $118 ล้านจากทั่วโลก ว่าตามจริงคือขาดทุนครับ

สรุปว่าเป็นอีกหนึ่งหนังที่ดัดแปลงจากงานของ Sparks ที่ดูได้ แม้จะไม่ถึงกับยอดเยี่ยมเท่า The Notebook แต่ก็ไม่เลวครับ

สองดาวกว่าครับ

Star21

(6.5/10)