Haley Joel Osment ไอ้หนูแห่ง The Sixth Sense มารับบทเป็น เทรเวอร์ แม็คคินนี่ย์ เด็กน้อยที่คิดค้นทฤษฎี เพย์ อิท ฟอร์เวิร์ด นั่นคือ การทำความดีกับคนที่เราไม่รู้จัก จากนั้นก็ให้คนที่เราช่วยนั้น ไปทำความดีกับคนอื่นๆ อีก 3 คน ก็เหมือนแพร่กระจายความเป็นลูกผู้ชายตัวจริงน่ะครับ เราก็มาดูกันครับว่าแผนทำความดีของเจ้าหนูเทรเวอร์จะได้ผลดีแค่ไหน

บอกตรงๆ ว่าทฤษฎีนี้น่าสนใจและจะดีมากๆ ถ้าคนเราทำกันจริงๆ คือ ถามว่าทำได้มั้ย ผมว่าได้อยู่แล้วล่ะครับ ไม่ยากนี่นา แต่นั่นแหละ ปัญหาเล็กๆ ก็คือ คนเราไม่ค่อยกล้าที่จะทำ ไม่ต้องที่ไหนหรอกครับ บ้านเรานี่แหละ ไม่รู้เป็นไรนะครับ หากใครทำความดีล่ะก็ คนผู้นั้นจะถูกมองราวกับเป็นตัวประหลาด หรือ เป็นผู้ต้องหาหนีคดีอะไรซักอย่างทุกที เออ ทำไมอ้ะ เขาทำดี แล้วมันผิดเหรอครับ คุณไม่ทำก็อย่าไปขวางเขาดิ เอ้อ

ที่แค่มองน่ะยังไม่เท่าไหร่นะครับ ยังมีพวกนินทาอีก หาว่าเขาอยากเด่น อยากเอาหน้า … ปัดโธ่ พวกวัชพืชสังคม ชาติบ้านเมืองไม่เจริญก็เพราะพวกท่านนี่แหละครับ !! มือไม่พายยังเอาพายไปเขวี้ยงหน้าคนแจวอีก

เลิกทีเหอะนะ ไม่ช่วยไม่ว่า อย่าไปราน้ำดิ ใครมีน้ำใจทำดี ก็อนุโมทนาไปก็หมดเรื่องนี่ครับ ว่ามั้ยล่ะฮะ

กลับมาเรื่องหนังนะครับ หนังได้ดาราระดับฝีมือทั้งสิ้น นอกจาก Osment แล้วยังมี Kevin Spacey ในบทยูจีน คุณครูที่มีแผลเป็นบนใบหน้าและแผลนั้นก็ลงลึกไปถึงจิตใจของเขาด้วย กับอีกคนก็ Helen Hunt ในบทแม่ของเทรเวอร์ ก็เล่นดีกันทั้งนั้นแหละครับ

งานกำกับของ Mimi Leder หญิงเก่งอีกคนของวงการนะครับ เจ๊แกทำหนังชีวิตได้ดีครับ จริงๆ เจ๊แกทำได้ดีทุกแนวน่ะแหละครับ กับเรื่องนี้แม้บางส่วนมันจะดูจงใจสร้างความซึ้งมากไปหน่อยก็ตามและน่าจะทำ ได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ก็เถอะ แต่ก็ยอมรับล่ะครับว่าสาระมันมีอยู่ไม่ใช่น้อย และฝีมือนักแสดงก็ยอดเยี่ยมด้วย ผลที่ได้เลยพอจะทำให้เรามองข้ามเรื่องบกพร่องไปได้บ้าง สำหรับคอหนังแนวนี้มันก็คุ้มที่จะดูล่ะครับ

ดูหนังแล้วย้อนดูตัว ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะ เพย์ อิท ฟอร์เวิร์ด ให้สังคมของเราบ้าง

สองดาวครึ่งกว่าๆ บวกๆ ครับ

(7.5/10)