บอกตรงๆ ว่าผมไม่ได้คิดจะไปดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ในโรงหรอกครับ เพราะผมกะว่าจะเก็บตังค์ไว้ซื้อตอนมันออกแผ่นเลยดีกว่า… พูดง่ายๆ คือ ผมคาดไว้แล้วล่ะว่าหนังมันจะต้องโอเคแหงมๆ
ที่เราได้เห็นในตัวอย่าง เนื้อเรื่องมันจะประมาณว่านักสืบ เดล สปูนเนอร์ (Will Smith) ได้พบเงื่อนงำบางอย่างเกี่ยวกับแผนร้ายของพวกหุ่นยนต์ ที่จะมาทำร้ายมนุษย์ แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเขาเลยเพราะว่า ทุกคนต่างมั่นใจว่าหุ่นยนต์จะไม่ทำร้ายคน (เนื่องมาจาก กฎ 3 ข้อ) แต่แล้วสิ่งที่เดลคาดไว้ดันเป็นจริงครับ พวกหุ่นลุกขึ้นมาก่อการร้าย แล้วทีนี้เดลก็ต้องหาทางหยุดมัน
เนื้อเรื่องดูจะประมาณนั้น แต่ภายในยังมีอะไรมากกว่านั้นครับ มันไม่ใช่แค่ตามล่าหาคนร้าย แต่มันยังมีความเป็นไซไฟอยู่อย่างเพียบพร้อม นั่นคือ จินตนาการครับ อย่างที่เพื่อนผมท่านมีนาคมได้จำกัดความไว้ว่า “เป็น A.I. ภาคที่เข้าใจได้ง่ายกว่า” ซึ่งนั่นก็หมายถึง ภายในหนัง มันจะมีความเป็นหนังชีวิตและปรัชญาที่น่าคิดแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง
เรื่อง Effect ต้องชมเลยครับ เนี๊ยบดีมากๆ จนเหมาะอย่างยิ่งที่จะได้ไปวิ่งเล่นบนเวทีออสการ์อีกเรื่อง นักแสดงก็ทำหน้าที่ได้ดี อย่าง พี่ Will ก็ไม่เลวนะครับ ตอนแรกต้องขอบอกว่าผมออกจะแหม่งๆ กับการที่พี่ Will แกมารับบทในหนังอนาคต เพราะถ้าว่าตามจริงผมว่า พี่ Will แกดูเหมาะจะเล่นหนังปัจจุบันหรือไม่ก็ย้อนยุคมากกว่า (ก็หน้าแกดูโบราณน่ะครับ 555) แต่พอมาเรื่องนี้ก็ทำได้ และทำได้ดีซะด้วย, Bridget Moynahan ก็ดูโอเคครับ เหมาะกับบทอยู่ เพียงแต่อาจยังไม่ถึงกับเด่นนัก และ ลุง James Cromwell ผู้เฒ่า Babe ของผมที่แม้บทจะไม่มาก แต่ก็สำคัญกับเรื่องอย่างยิ่ง และเท่าที่โผล่มานี่ก็ขโมยซีนไปมิใช่น้อยแล้วล่ะครับ
หนังทำได้น่าติดตามตลอดครับ มีการวางปมให้ได้คิดตลอด ซึ่งก็ต้องชม Alex Proyas ผู้กำกับด้วย ซึ่งพี่แกนี่ผมก็ไว้วางใจมาตั้งแต่ที่แกทำ The Crow แล้วครับ พอเขามาทำ Dark City อีก ผมเลยเชื่อมือเขาไปเลย โดยเฉพาะในหนังไซไฟ พี่แกจะแม่นมาก และขณะเดียวกันพี่แกก็จะแฝงความหม่นสไตล์ Tim Burton เอาด้วย แต่เรื่องนี้คนเขียนบทคือ Jeff Vintar กับ Akiva Goldsman ครับ บทจึงออกมาไม่หนักมาก นี่ถ้าหากให้ พี่ Alex แกเขียนบทเองล่ะก็ รับประกันว่าต้องมึนและมืดยิ่งกว่าที่เป็นนี่อีกครับ
หนังเอาเค้าโครงมาจากงานของ Isaac Asimov เขาผู้นี้คือหนึ่งในตองอูสำหรับนิยายไซไฟครับ เป็นสุดยอดจริงๆ นิยายของเขามันล้ำจินตนาการจนผมแทบอยากจะโขกหัวคารวะเลยจริงๆ และยิ่งไปกว่านั้นคือปรัชญาครับ ขยันแทรกมาเหลือเกิน ในหนังนี่ยังถือว่าน้อยนะครับ นิยายของเขานี่มีอะไรให้เราคิดมากกว่านี้เยอะ อยากรู้ว่าเป็นไงต้องลองหามาอ่านครับ แล้วท่านจะเข้าใจ (หรือไม่ก็อาจถึงขั้นเข็ดกันไปบ้างหนึ่งเลยล่ะ 555)
หนังดูสนุกครับ ผมชอบมากกับเหตุผลที่พวกหุ่นก่อการร้ายขึ้นมา ซึ่งตอนแรกเราก็ต้องมีคำถามอยู่บ้างว่า การทำร้ายคนมันแหกกฎ 3 ข้อนี่หน่า นั่นคือ หุ่นต้องไม่ทำร้ายคน แต่หนังให้เหตุผลไว้อย่างดีครับ ว่าทำไมมันถึงทำแบบนี้ และเป็นเหตุผลที่น่าคิดเอามากๆด้วย
โดยรวมๆ นี่เป้นหนังที่ทำได้ถึงฟอร์มครับ อาจจะไม่ได้มีแอ็คชั่นมากมายอะไร เพราะมันหนักไปทางไซไฟมากกว่า อันนี้ก็อาจต้องปรับใจเตรียมรับเอาไว้ด้วยล่ะครับ ถ้าไปหวังแอ็คชั่นอยากเดียวอาจจะไม่พอใจนักก็ได้
แต่สำหรับผม ชอบครับ
สองดาวสามส่วนสี่ดวงครับ
(7.5/10)

หมวดหมู่:Action, Movie Reviews, Recommended Movies, Sci-Fi












