เรื่องนี้โดนใจผมเต็มเปาเลยครับ เริ่มจากแนวที่เป็น Coming of Age แบบเต็มตัว เป็นเรื่องของชีวิตช่วงหนึ่งของใครสักคนที่ต้องเจอกับทางแยก เจอกับจุดวิกฤติที่จะส่งผลต่อตัวเองไปอีกนานแสนนาน (หรืออาจจะตลอดไปเลยก็ได้)
เรื่องนี้โดนใจผมเต็มเปาเลยครับ เริ่มจากแนวที่เป็น Coming of Age แบบเต็มตัว เป็นเรื่องของชีวิตช่วงหนึ่งของใครสักคนที่ต้องเจอกับทางแยก เจอกับจุดวิกฤติที่จะส่งผลต่อตัวเองไปอีกนานแสนนาน (หรืออาจจะตลอดไปเลยก็ได้)
รู้สึกว่าระยะหลังๆ หนังรักดูจะเข้าโรงน้อยลงนะครับ ไม่ว่าจะรักหวานๆ รักขำๆ หรือรักขมๆ ก็ตาม เรียกว่ามีน้อยจนผมต้องไปพึ่งพาดูหนังหวานๆ จาก Hallmark กันเลยล่ะ
ภาคต่อที่ผมได้ทำการเผื่อใจไว้ตั้งแต่ก่อนดูว่าอาจจะไม่ได้อร่อยลิ้นหรือเพลิดเพลินเท่าภาคแรก ครั้นพอได้ดูแล้วก็รู้สึกว่าหนังทำได้ไม่เลวครับ แต่ก็ยังชอบภาคแรกมากกว่าอยู่ดี
หนังตลกร้ายแสบๆ คันๆ ที่ดัดแปลงจากนิยายภาพของ Daniel Clowes ที่เขามาลงมือดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ด้วยตนเองครับ เนื้อหาออกแนวตลกผสมเสียดสีชีวิต สังคม และอะไรอีกหลายๆ อย่างที่สะท้อนความซับซ้อนของมนุษย์
“ความหวัง คือสิ่งเดียวที่แข็งแกร่งกว่าความกลัว”
ในแง่ความบันเทิง The Hunger Games ตอบโจทย์ได้ดี เพราะมีทั้งพล็อตชวนติดตาม มีแอ็กชันมีความตื่นเต้นชวนลุ้น และมีเรื่องให้สะเทือนใจแทรกเป็นพักๆ
ผมเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นกับกล่าวว่า “โลกคือละคร”
เคยดู Shaun of the Dead กันรึยังครับ หนังซอมบี้ปนฮาที่ทำได้ลื่นมากสุดๆ เรื่องหนึ่ง (ถ้ายังไม่ได้ดูก็ขอแนะนำให้ลองสักรอบนะครับ) ผมก็เอามาดูซ้ำอยู่หลายรอบล่ะครับ แล้วสมองก็คิดๆ ไปว่า “อืมม์ มันจะมีหนังแบบนี้ออกมาอีกไหมหว่า อยากดูอีกจัง”
ลองนึกตามเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้นะครับ…
Wag the Dog คือหนังเสียดสีการเมืองที่แสบได้ที่อีกเรื่อง ดูครั้งแรกประมาณ 15 ปีก่อน ซึ่งก็ส่งผลต่อมุมมองของผมในเรื่องสื่อ-ข่าวสาร-การเมืองพอสมควรครับ