
ถ้าดูจากผลลัพธ์แล้ว Morbius ถือเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เดินตามสูตรจนออกมาธรรมดามากๆ ครับ ชนิดที่หนังซูเปอร์ฮีโร่อย่าง Superman ภาคแรกที่เก่ากว่า 40 ปีมาแล้วยังดูมีอะไรมากกว่า
ถ้าดูจากผลลัพธ์แล้ว Morbius ถือเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เดินตามสูตรจนออกมาธรรมดามากๆ ครับ ชนิดที่หนังซูเปอร์ฮีโร่อย่าง Superman ภาคแรกที่เก่ากว่า 40 ปีมาแล้วยังดูมีอะไรมากกว่า
ดู Fast & Furious 9 ด้วยใจไร้คาดหวังตามเคยครับ ว่าตามจริงคือผมไม่ถึงกับเป็นแฟนหนังชุดนี้ คือดูทุกภาคได้แบบเพลินๆ มาชอบมากหน่อยก็ภาค 5 และ 6 ต่อด้วย 7
ผจญภัยกันต่อเป็นคำรบ 2 ครับ กับ The Christmas Chronicles Part Two ที่เคต (Darby Camp) ตัวเอกจากภาคแรกกลับมาผจญภัยเพื่อกอบกู้วันคริสต์มาสอีกครั้ง
Jason Statham ถือเป็น Arnold หรือ Sylvester Stallone แห่งยุคใหม่ครับ ชะตากรรมแกไปได้ไกลว่า Steven Seagal เยอะ ส่วนหนึ่งเพราะแกเลือกเล่นหนังครับ แม้บทจะซ้ำๆ บ้าง แต่ส่วนใหญ่ดูสนุกเพลิน ไม่ค่อยผิดหวัง
ดูตัวอย่างแล้วก็เตรียมใจเข้าไปเสพความเว่อร์วังแบบเต็มขั้นครับ ยิ่งทุนสร้างตั้ง $250 ล้าน มันก็ต้องจัดเต็มแอ็กชันและฉากทำลายล้างแบบระเบิดระเบ้อแน่นอน (พูดถึงรายได้ ตอนนี้ทั่วโลกโกยไปแล้ว $531 ล้าน ถึงจุดคุ้มทุนแล้วครับ ไม่เกินสัปดาห์นี้ก็จะได้งบโฆษณาคืน และเข้าสู่โซนกำไรแน่นอน)
ฉากที่ผมอยากดูที่สุดใน Fast and Furious 7 คือฉากสรุปส่งท้ายบทของ Paul Walker ครับ
หนังชุดนี้กลายเป็นหลักไมล์แห่งความมันส์ไปแล้วครับ คือมั่นใจได้เลยว่าภาคต่อๆ มาต้องทำเงินและต้องออกมาน่าพอใจ ดูเอามันส์ก็ได้ ดูเอาลุ้นหรือดูรถสวยก็ได้ ดาราในเรื่องก็คัดฝีมือกันมาทั้งนั้น
คงไม่ต้องสาธยายยาวกับหนังเรื่องนี้ครับ นอกจากประเด็นหลักๆ ว่าผมดูหนังเรื่องนี้แล้ว และผลลงเอยก็คือ “ชอบ”
ไบรอัน โอ คอนเนอร์ (Paul Walker) กลับมาอีกครั้งครับ หลังจากคราวก่อนปล่อยให้โดมินิคหนีพ้นเงื้อมมือกฎหมายไป เขาเลยกลายเป็นเจ้าหน้าที่โดนบัญชีดำ
Four Brothers คือหนังแอ็กชันที่มาพร้อมพล็อตง่ายๆ แต่มันส์สะใจไม่ใช่น้อย