
ครั้งล่าสุดที่คอหนังได้พบกับ ไซมอน เทมปลาร์ จอมโจรสิงห์สำอางค์ฉายา “เดอะ เซนต์” ก็คือปี 1997 ที่ Val Kilmer นำแสดงน่ะครับ… นับไปนับมาเวลาก็ผ่านไป 20 ปีแล้วนะเนี่ย นานเอาเรื่องทีเดียว
ครั้งล่าสุดที่คอหนังได้พบกับ ไซมอน เทมปลาร์ จอมโจรสิงห์สำอางค์ฉายา “เดอะ เซนต์” ก็คือปี 1997 ที่ Val Kilmer นำแสดงน่ะครับ… นับไปนับมาเวลาก็ผ่านไป 20 ปีแล้วนะเนี่ย นานเอาเรื่องทีเดียว
มา “เช็คอายุ” กันอีกสักเรื่องนะครับ (บล็อกเช็คบ่อยจริงๆ ให้ตายเถอะ 555) ยังจำเรื่องนี้กันได้ไหมครับ Spice World หนังใหญ่เรื่องแรก (และเรื่องเดียว) ของ 5 สาวซ่าจากเกาะอังกฤษ วง Spice Girls ครับ
เรายังไม่จบกับพี่แกนะครับ พี่ Jean-Claude Van Damme ยังมีผลงานอีกหลายเรื่อง ดีบ้างไม่ดีบ้าง ไม่น่าสร้างออกมาบ้างแต่ก็เอาเถอะครับ ทำออกมาแล้วนี่เน้อะ
หลังจากหนังเจมส์ บอนด์ตอน Octopussy ประสบความสำเร็จและยังทำเงินมากกว่าบอนด์ตอน Never Say Never Again ที่สร้างโดย Kevin McClory การสร้างตอนต่อจึงเริ่มอย่างรวดเร็วครับ โดยคราวนี้ Michael G. Wilson ได้โดดมาร่วมอำนวยการสร้างร่วมกับ Albert R. Broccoli แบบเต็มตัว และยังคงทำหน้าที่เขียนบทร่วมกับ Richard Maibaum อีกเช่นเคย และผู้กำกับก็หนีไม่พ้น John Glen คนเดิม
การกลับมาครั้งที่ 13 ของสายลับเจมส์ บอนด์ 007 นั้นถือว่ามีอะไรน่าสนใจหลายอย่างเลยครับ ไม่ว่าจะเบื้องหน้า (ตัวหนัง) และเบื้องหลัง (งานสร้าง)
หลังจากเจมส์ บอนด์ตอน Moonraker ประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำให้ผู้อำนวยการสร้าง Albert R. Broccoli รู้สึกเบาใจ คลายความกดดันที่มีในการสร้างหนังบอนด์ลงไปมาก เพราะก่อนหน้านี้เขาต้องพยายามทำบอนด์ออกมาตามกระแสเพื่อดึงความนิยม
แรกเริ่มเดิมที หนังเจมส์ บอนด์ตอนที่ 11 จะต้องเป็นตอน For Your Eyes Only แต่พอดีระหว่างเตรียมงานสร้างนั้น หนังอวกาศกำลังมาแรง ไม่ว่าจะ Close Encounters of the Third Kind (ของไอ้หนุ่มที่ทำหนังเกี่ยวกับ “ปลา” คนนั้น) กับ Star Wars (1977) หนังเหล่านี้ล้วนโกยเงินไปอย่างมากมายมหาศาล จนคนดูเรียกร้องหนังแนวนี้กันเป็นแถว
จากที่ผมได้เกริ่นไว้ในรีวิวเจมส์ บอนด์ ตอน The Man With The Golden Gun ว่าเกิดเหตุการณ์สำคัญคือ Harry Saltzman หนึ่งในผู้อำนวยการสร้างหนังชุดนี้ตัดสินใจขายสิทธิ์ในหนังบอนด์ไปในมูลค่า 20 ล้านปอนด์
เมื่อบอนด์ภาค Live and Let Die ที่เป็นการเปิดตัว Roger Moore ในฐานะสายลับ 007 เป็นครั้งแรกนั้น ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จึงท่ำให้บอนด์ตอนที่ 9 ถูกสร้างต่อทันทีครับ
เจมส์ บอนด์ตอนที่แล้ว (Diamonds Are Forever) ประสบความสำเร็จมหาศาล ส่วนสำคัญก็ด้วยพลังดาราของ Sean Connery ทำให้คู่หูผู้สร้างอย่าง Albert R. Broccoli และ Harry Saltzman พยายามหว่านล้อมให้เขากลับมาเล่นเป็นบอนด์ต่อไป ถึงขั้นเสนอค่าตัวให้ถึง 5.5 ล้านเหรียญ แต่คราวนี้ยังไง Connery ก็โบกมืออำลา ยืนกรานว่าจะไม่กลับมาเป็นเจมส์ บอนด์อีก