หนังจับเอาเรื่องจริงมาบอกเล่าครับ กับวิธีการรวยทางลัดของ แดนนี่ ลูโก้ (Mark Wahlberg) เทรนเนอร์หนุ่มที่ชวนเพื่อนอย่างเอเดรียน ดอร์บัล (Anthony Mackie) และพอล ดอยล์ (Dwayne Johnson) มาลักพาตัววิคเตอร์ เคอร์ชอว์ (Tony Shalhoub) ลูกค้าผู้มั่งคั่งของแดนนี่ ก็คือกะจะรูดทรัพย์ให้หมดตัวแล้วก็เชือดทิ้งซะ แต่ทว่าเหตุการณ์กลับไม่เป็นไปดังนั้นครับ ซึ่งเรื่องราวมันจะเป็นอย่างไรคำตอบก็อยู่ในหนังน่ะนะครับ
หนังตลกที่รีเมคมาจากเรื่อง Dirty Rotten Scoundrels (1988) ที่เรื่องนั้นก็รีเมคมาจาก Bedtime Story (1964) อีกที
Night at the Museum: Secret of the Tomb ทำให้นึกถึงเกมลุยด่านของเครื่อง Famicom สมัยก่อนน่ะครับ
ออกตัวตามระเบียบครับว่าไม่เคยดูละครเวที Cats มาก่อน ทราบเพียงแต่กิตติศัพท์ความดังและเคยฟังเพลงเพราะๆ จาก Cats มาไม่กี่เพลงเท่านั้น
ภาคแรกทำผมประทับใจไว้เยอะครับ ดังนั้นก่อนดู Pitch Perfect 2 ผมก็แอบคาดหวังเป็นธรรมดา ไหนจะโกยเงินถล่มทลายซะขนาดนั้น (แต่โดยส่วนตัวคิดว่าที่ภาคนี้ทำเงินอย่างใหญ่ ก็เพราะบุญเก่าที่ภาคแรกสะสมไว้ส่วนหนึ่ง)
ทุกวันนี้หลายอย่างในโลกเปลี่ยนไปครับ ไม่ใช่แค่ความก้าวหน้าหรือเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิถีชีวิตของคนเราด้วย
แม้นี่จะเป็นหนังแอ็กชันผสมฮา แต่ยอมรับว่าดูแล้วไม่ถึงกับโดนสักเท่าไร ส่วนหนึ่งคงเพราะสไตล์ของหนังมันไม่ได้เป็นแบบ Rush Hour หรือ Ride Along แต่มันไปมีส่วนผสมของหนังอย่าง Borat และ Bruno ซะเยอะเชียว
การที่เราเอาหนังสักเรื่องมาดูซ้ำเดือนละหน ทุกเดือนตั้งแต่ได้แผ่นมา นั่นน่าจะบ่งบอกได้ว่าเรา “ตกหลุมรัก” หนังเรื่องนั้นเข้าแล้ว และ Pitch Perfect คือหนึ่งในหนังที่ผมตกหลุมรักครับ
ตอนดู Ghost Rider ก็ให้ความรู้สึกเหมือนตอนดู Daredevil น่ะครับ มันเหมือนกันหลายอย่าง อาทิเช่น
หมื่นทิพ's Review 