
สมัยยังแรกรุ่น ผมเคยคิดว่าหากสามารถจีบใครสักคนสำเร็จ จนเรากับเขาตกลงเป็นแฟนกันแล้ว นั่นคือเส้นชัย นั่นคือปลายทาง นั่นคือแฮปปี้เอนดิ้ง… ครั้นเวลาผ่านไป ถึงได้ตระหนักครับว่า นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
สมัยยังแรกรุ่น ผมเคยคิดว่าหากสามารถจีบใครสักคนสำเร็จ จนเรากับเขาตกลงเป็นแฟนกันแล้ว นั่นคือเส้นชัย นั่นคือปลายทาง นั่นคือแฮปปี้เอนดิ้ง… ครั้นเวลาผ่านไป ถึงได้ตระหนักครับว่า นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
หลังดู Venom: Let There Be Carnage จบ ก็นิยามหนังได้แบบสั้น ง่ายและได้ใจความว่า “ดูเอามันส์ล้วนๆ” ครับ (เนื้อหาในรีวิวชิ้นนี้อาจมีสิ่งที่เรียกว่า “สปอยล์” สำหรับบางคนนะครับ หากไม่อยากทราบก็ไม่ควรอ่านต่อครับ รู้แค่นี้พอว่า “หนังดูเอามันส์ล้วนๆ”)
ผมพบว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ดู Venom หลายหนมากๆ ประมาณว่าเปิดทีวี-เคเบิ้ลก็มักจะเจอ หรือตอนไปแวะเวียนเยี่ยมเยียนใคร ก็จะพบว่าทีวีที่บ้านนั้นจะต้องมี Venom อยู่ในจอเสมอ แล้วผมก็มักจะมีโอกาสได้ดูจนจบทุกทีไป
ถ้าลองว่ามนุษย์บนโลกยังมีตัณหา ราคะ และความต้องการเป็นตัวดำเนินหลักของชีวิตล่ะก็ ตราบนั้นก็ย่อมมีคนตกเป็นเหยื่อคนอยู่ร่ำไป เพราะคนที่ฉลาดกว่ามักรู้จักใช้ “พลังแห่งตัณหา” เพื่อล่อลวงคนมาสร้างผลประโยชน์ให้ตนเอง
ถือเป็นหนังว่าด้วย “คนชีวิตชำรุด” ที่เรียบง่าย แต่ได้ใจอย่างยิ่ง มันอิ่มแบบพอดี รสชาติไม่จัดจ้าน ปราศจากความหวือหวา แต่ดูแล้วมันอิน มันสัมผัสได้ถึงห้วงอารมณ์ช้ำๆ จนบางขณะเราก็รู้สึกช้ำตามตัวละครไปด้วย
ภาคแรกนั้น เป็นเรื่องของโครงการทดลองลับของรัฐบาลที่เอา DNA จากต่างดาวมาเพาะพันธุ์และมันก็หนีไป จากเด็กหญิงเธอก็เจริญเติบโตในชั่วข้ามคืน กลายเป็นสาวโคตรเซ็กซี่ และจุดประสงค์ของเธอก็คือ การสืบพันธุ์ ทำให้รัฐบาลต้องส่งคนไปตามล่าเธอ ก่อนสายพันธุ์นรกจะก่อกำเนิดขึ้น
เฮ่อ ในที่สุดครับ พี่ไมเคิลก็กลับมาอีกครั้ง โดยครั้งนี้ลอรี่ สโตรดก็กลับมาด้วย ซึ่งโปรเจคท์นี้เริ่มตรงที่ Jamie Lee Curtis เจ้าของบทลอรี่ดั้งเดิมได้เกริ่นเอาไว้ว่าเธออยากจะทำหนัง Halloween เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ร่วมกับ John Carpenter ผู้กำกับหนังภาคแรก แต่พอมีการเจรจากันแล้ว ลุง John กลับขอบายไม่มาทำให้