
ว่าตามจริง The Perfect Storm ไม่ใช่หนังภัยพิบัติที่สดใหม่อะไรมาก แต่ความเด็ดของมันคือ การเอาสูตรดั้งเดิมของหนังแนวนี้มาปรุงได้อย่างพอเหมาะพอดี
ว่าตามจริง The Perfect Storm ไม่ใช่หนังภัยพิบัติที่สดใหม่อะไรมาก แต่ความเด็ดของมันคือ การเอาสูตรดั้งเดิมของหนังแนวนี้มาปรุงได้อย่างพอเหมาะพอดี
ผมเป็นคนหนึ่งนะครับที่สนุกสนานเมามันส์ไปกับการคลิ้กขวาในเกม Max Payne ทั้งสองภาค เกมบ้าอะไรก็ไม่ทราบ ยิงได้มันส์ ยิงได้เท่ห์ เล่นไปได้อารมณ์เหมือนลงไปเป็นแม็กซ์ เพย์นซะเอง (บางรอบชอบสโลว์แล้วหมุน เล่นเอาสายเมาส์บิดแล้วบิดอีก อิอิ สะใจดีครับ)
บางครั้งคนรักหนังไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากหนังดูสนุกซักเรื่อง ส่วนจะใหม่หรือไม่ก็ไว้ว่ากันอีกที
จำได้ตอนหนังเรื่องนี้ออกฉาย รายได้เปิดตัวไม่ได้มากมายอะไรนะ แค่ 19 ล้านเหรียญ จนผมคิดว่าหนังคงไปไม่ได้ไกล แต่ไปๆ มาๆ ดันยืนโรงโกยไปถึง 106 ล้านเสียอย่างนั้น ในใจก็เดาว่ามันต้องมีดีบ้างล่ะครับ ถึงทำได้ขนาดนี้ เพราะปกติหนังที่อาศัยคำพูดปากต่อปากจนดันรายได้ให้ถึงร้อยล้านนี่มักเป็นหนังชีวิตหวังออสการ์อะไรโน่น ไม่ค่อยเกิดกับหนังบู๊เท่าไหร่ ก็เลยลองลิ้มดู ปรากฏว่าชอบครับ
หนังบู๊เอามันส์ลูกเดียว นำแสดงโดย Mark Wahlberg ในบทเมลวิน สไมลี่ย์ มือปืนพระกาฬที่ร่วมงานกับเพื่อนอีกสามหน่ออันได้แก่ ซิสโก้ (Lou Diamond Phillips), ครั้นช์ (Bokeem Woodbine) และวินซ์ (Antonio Sabato Jr.)
ก้าวที่สองของโจวเหวินฟะในฮอลลีวู้ด กับบท นิโคลัส เฉิน ตำรวจนิวยอร์คทประจำอยู่แผนกปราบปรามแก๊งอันธพาลเอเซีย ผู้ที่ถือหลักว่าการจะอยู่รอดในเขตไชน่าทาวน์นั้นก็ควรจะมีการกินตามน้ำบ้าง ซึ่งนิคก็ทำแบบนี้มานานล่ะครับ จนกระทั่งการมาของตำรวจผิวขาวรุ่นใหม่ แดนนี่ วอลเลซ (Mark Wahlberg) ที่ไฟแรงและเชื่อมั่นในการทำหน้าที่อย่างสุจริต ก็เลยทำให้การทำงานของทั้งคู่อาจจะไม่ค่อยลงรอยกันนัก
Mark Wahlberg เป็นนักแสดงที่ผมทึ่งแกเหมือนกันนะครับ ภาพแรกๆ ที่ผมจดจำแกได้คือในฐานะนายแบบกางเกงใน Calvin Kline (ยุคนั้นนิตยสารบันเทิงต่างประเทศของบ้านเรานำภาพพี่แกมาลงบ่อยๆ) ตามด้วยการเป็นแร็ปเปอร์ แล้วก็เล่นหนังในบทวัยรุ่นอีกหลายเรื่อง
บอกก่อนว่านี่ไม่ใช่หนังแอ็กชันเอ […]