ก่อนดูนี่ไม่คาดหวังครับ ครั้นพอดูไปสักพัก ก็ยิ่งพยายามปรับลดความคาดหวังลงไปอีกเป็นพักๆ จนในที่สุดก็บอกกับตัวเองว่า “คิดเสียว่าดูหนังสยองเกรดบีสักเรื่องก็แล้วกัน” แล้วมันก็ทำให้ผมโอเคกับหนังมากขึ้นพอตัว
ก่อนดูนี่ไม่คาดหวังครับ ครั้นพอดูไปสักพัก ก็ยิ่งพยายามปรับลดความคาดหวังลงไปอีกเป็นพักๆ จนในที่สุดก็บอกกับตัวเองว่า “คิดเสียว่าดูหนังสยองเกรดบีสักเรื่องก็แล้วกัน” แล้วมันก็ทำให้ผมโอเคกับหนังมากขึ้นพอตัว
ไม่ทันไรหนังชุด Insidious นี่ก็อายุ 10 กว่าปีแล้วนะครับ และนี่คือภาคที่ 5 ครับ
ต้องบอกก่อนว่าใครดูตัวอย่างแล้วคาดว่า Upgrade จะเป็นหนังแอ็คชั่นบู๊มันส์สไตล์ John Wick อาจต้องคิดใหม่ครับ เพราะหนังไม่ได้เน้นบู๊อะไรมากนัก หลักๆ มันคือหนังไซไฟผสมสืบสวนครับ
พอดูหนังจนจบ ผมพบว่าตัวเองอมยิ้มตลอดการรับชมหนังเรื่องนี้เลยครับ ^_^ จู่ๆ มันเกิดอารมณ์ปลื้มปิติกับการที่ได้มาเห็น Lin Shaye ได้รับบทนำแบบเต็มตัว และที่สำคัญคือเธอสามารถแสดงบทนี้ได้อย่างดีอีกด้วย
เว้ากันซื่อๆ เลยว่าที่ตามดู Insidious: Chapter 3 ก็เพราะอยากเห็นป้า Lin Shaye กลับมารับบทหมอผีเอลลิสนี่แหละ
ดู Insidious: Chapter 2 แล้ว สิ่งที่จดจำได้แบบแม่นยำคือคำว่า Don’t You Dare!!!!!!
Cooties เป็นหนังสยองปนตลกที่ทำออกมาในสไตล์ล้อและรำลึกถึงหนังสยองยุค 80 ครับ เรียกว่ารำลึกกันตั้งแต่โปสเตอร์กันเลยล่ะครับ
Insidious จัดเป็นหนังผีที่ใส่ลีลาหลอนมาค่อนข้างครบองค์ประชุม
การสอนวิชาชีวิตด้วยเลือดของจิ๊กซอว์ (Tobin Bell) ยังไม่จบครับ เขากลับมาเริ่มเกมใหม่อีกครั้ง โดยให้อแมนด้า (Shawnee Smith) ทายาทของเขาไปจับตัวคุณหมอลินน์ (Bahar Soomekh) ให้มาช่วยชีวิตเขาเนื่องจากตอนนี้เขากำลังเป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้าย
จากหนังสั้น 9 นาทีครึ่งภายใต้การกำกับของ James Wan และบทที่ร่วมกันคิดกับ Leigh Whannell ทำให้สตูดิโอ Lions Gate สนใจบทหนังเรื่องนี้ครับ กับผลงานกระชากขวัญที่ถือว่าเปิดศักราชหนังสยองยุคใหม่ขึ้นอีกระลอก กับเรื่องราวที่มีครบทั้งความโหด ความสยอง การใช้สมอง และการหักมุม