
ดู Fast & Furious 9 ด้วยใจไร้คาดหวังตามเคยครับ ว่าตามจริงคือผมไม่ถึงกับเป็นแฟนหนังชุดนี้ คือดูทุกภาคได้แบบเพลินๆ มาชอบมากหน่อยก็ภาค 5 และ 6 ต่อด้วย 7
ดู Fast & Furious 9 ด้วยใจไร้คาดหวังตามเคยครับ ว่าตามจริงคือผมไม่ถึงกับเป็นแฟนหนังชุดนี้ คือดูทุกภาคได้แบบเพลินๆ มาชอบมากหน่อยก็ภาค 5 และ 6 ต่อด้วย 7
ผจญภัยกันต่อเป็นคำรบ 2 ครับ กับ The Christmas Chronicles Part Two ที่เคต (Darby Camp) ตัวเอกจากภาคแรกกลับมาผจญภัยเพื่อกอบกู้วันคริสต์มาสอีกครั้ง
เป็นหนังคริสต์มาสอีกเรื่องที่ผมเอามาดูซ้ำหลายรอบอยู่ครับ เพราะหนังมันครบเครื่องสำหรับหนังผจญภัยวันคริสต์มาสต์แบบกำลังดี
ว่าตามจริงผมชอบ Escape From New York มากกว่าครับ แม้จะไม่ได้มันส์อะไรมากแต่มันมีความกลมกล่อมสำหรับหนังผจญภัยในโลกอนาคตที่เสื่อมทราม มีความลงตัวพอดีในแง่การเดินเรื่อง ในขณะที่ Escape From L.A. นี่ ความลงตัวค่อนข้างน้อยกว่า การเดินเรื่องมีช่วงอืดช้าและในแง่ความมันส์ก็ยังไม่ถึงเครื่อง
ถือเป็นหนังแอ็กชันผจญภัยที่ทำออกมาได้ดีอีกเรื่องหนึ่งสำหรับสมัยนั้นครับ และเป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าจดจำของผู้กำกับ John Carpenter ด้วย
เรื่องนี้ คนชอบหนังคาวบอยเท่ห์ๆ และมันส์ๆ ไม่ควรพลาด
ไมเคิล (Kurt Russell) และ คาเรน (Madeleine Stowe) คือ คู่สามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขมานานครับ จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดมีคนงัดแงะเข้าไปในบ้านของพวกเขา แลวยังคิดจะทำร้ายคาเรนเสียอีก
ดูตัวอย่างแล้วก็เตรียมใจเข้าไปเสพความเว่อร์วังแบบเต็มขั้นครับ ยิ่งทุนสร้างตั้ง $250 ล้าน มันก็ต้องจัดเต็มแอ็กชันและฉากทำลายล้างแบบระเบิดระเบ้อแน่นอน (พูดถึงรายได้ ตอนนี้ทั่วโลกโกยไปแล้ว $531 ล้าน ถึงจุดคุ้มทุนแล้วครับ ไม่เกินสัปดาห์นี้ก็จะได้งบโฆษณาคืน และเข้าสู่โซนกำไรแน่นอน)
ฉากที่ผมอยากดูที่สุดใน Fast and Furious 7 คือฉากสรุปส่งท้ายบทของ Paul Walker ครับ
Quentin Tarantino นี่เป็นผู้กำกับหนังแนวอีกคนของวงการจริงๆ ครับ ขยันหาอะไรแบบธรรมดาที่ไม่ธรรมดามาเสิร์ฟคนดูหนังอยู่ประจำ