ระยะหลังนี่การดูหนังใหม่ของพี่มาโนช (M. Night Shyamalan) จะออกแนวเหมือนแวะไปหาเพื่อนเก่าครับ เพื่อนเก่าที่เคยเล่าเรื่องสนุกๆ ให้เราได้ฟัง แม้เรื่องใหม่ที่เขาเล่าอาจไม่สนุกเท่าเรื่องเก่าก่อนที่เราเคยประทับใจ แต่ด้วยความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้หรือไม่ก็ด้วยรสมือที่คุ้นเคย เลยทำให้เราพร้อมจะไปฟังเขาเล่าเรื่องอยู่เรื่อยๆ – ด้วยความไม่คาดหวัง
ว่าตามจริงหนังเรื่องนี้ก็ออกแนว Mission: Impossible ว่าด้วยกลุ่มสายลับที่ลงสนามไปสืบเรื่องแผนค้าอาวุธ แล้วก็หาทางป้องกันไม่ให้อาวุธนั้นหลุดรอดไปอยู่ในมือของคนร้าย
ดูรอบแรกชอบยังไง ดูรอบใหม่ก็ยังคงชอบยังงั้น กับหนังเรื่องนี้ครับ Lucky Number Slevin
Hollywood Homicide นี่เคยดูมาแล้ว 2 รอบครับ รอบแรกตอนออกแผ่นใหม่ๆ ดูแล้วก็ออกแนวเฉยครับ จากนั้นก็ได้ดูอีกรอบเมื่อไม่นานมานี้ เอามาเปิดดูเล่นยามว่างเผื่อว่าจะชอบมากขึ้น แต่ผลก็คือยังเฉยอยู่เหมือนเดิม
หนังโรแมนติกที่ผสมเอาเรื่องรักหวานรันทดสไตล์ Love Story เข้ากับรักชวนซึ้งสไตล์นิยายของ Nicholas Sparks เป็นอีกเรื่องที่ผมจำชื่อไทยได้แม่นเพราะมันไม่ค่อยจะเหมือนใครดี และถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะโดนโหวตให้เป็นชือไทยยอดแย่ประจำปีจากการจัดอันดับของ Cinemag ด้วย (หรือไม่ก็ Entertain น่ะครับ สักเล่มหนึ่ง)
จากการ์ตูนแนวสยองขวัญ มาสู่หนังสยองแนวที่คุ้นเคยแต่ไม่ค่อยมีคนสร้างกันเท่าไรนัก
นี่ก็เป็นหนังที่ตอนเข้าโรงนี่ผมอยากดูมากเลยครับ เพราะหน้าหนังมันออกแนวมนุษย์ต่างดาวบุกโลกผสมกับแนววัยรุ่น ซึ่งถ้าทำออกมาดีๆ นี่สนุกสนานแน่นอน อย่างน้อยก็ดูเพลินล่ะครับ แล้วยังได้ Robert Rodriguez แห่ง El Mariachi, Desperado และ From Dusk Till Dawn มากำกับด้วย ก็น่าสนใจล่ะครับว่าหนังจะออกมาอีท่าไหน
เฮ่อ ในที่สุดครับ พี่ไมเคิลก็กลับมาอีกครั้ง โดยครั้งนี้ลอรี่ สโตรดก็กลับมาด้วย ซึ่งโปรเจคท์นี้เริ่มตรงที่ Jamie Lee Curtis เจ้าของบทลอรี่ดั้งเดิมได้เกริ่นเอาไว้ว่าเธออยากจะทำหนัง Halloween เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี ร่วมกับ John Carpenter ผู้กำกับหนังภาคแรก แต่พอมีการเจรจากันแล้ว ลุง John กลับขอบายไม่มาทำให้
รู้ตั้งแต่ดูเทรลเลอร์แล้วครับว่าหนังมันฮามุขสัปดนแน่นอนที่สุด และก็เดาได้เลยว่ามันจะจบยังไง (มันคงไม่จบว่าพระเอกเป็นมนุษย์ต่างดาวหรอกจริงมั้ยล่ะครับ )
หมื่นทิพ's Review 